นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุน และปฏิบัติตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights: UDHCR) และมาตรา ๔ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ กำหนดให้ "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง" เพื่อให้เกิดการเคารพสิทธิมนุษยชนภายในหน่วยงาน การปฏิบัติต่อบุคคลอย่างเท่าเทียมกัน ป้องกันมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้นไม่ว่าจะต่อบุคลากรภายในหน่วยงานหรือผู้มาติดต่อราชการ รวมถึงลดความเสี่ยงที่จะการเกิดข้อร้องเรียน ร้องทุกข์จากผู้ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งมีสาเหตุมาจากการปฏิบัติงานของบุคลากรภายในหน่วยงาน
อธิบดีสวธ. เปิดเผยต่อว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จึงกำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนขึ้น เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน สอดคล้องกับแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและแผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชน ดังต่อไปนี้
นิยามศัพท์
"สิทธิมนุษยชน" หมายความว่า สิทธิที่มีโดยธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางกาย จิตใจ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา เพศ อายุ สีผิว การศึกษา หรือเรื่องอื่นใดตามกฎหมายของแต่ละประเทศและสนธิสัญญาตามที่แต่ละประเทศมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติ รวมถึงสิทธิในการดำรงชีวิตและเสรีภาพ การมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและรวมกลุ่มกัน สิทธิในการทำงาน การศึกษา และอื่นๆ มนุษย์ทุกคนต่างมีสิทธิเหล่านี้โดยเท่าเทียมกันและไม่เลือกปฏิบัติ
"บุคลากรกรมส่งเสริมวัฒนธรรม" หมายความว่า ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ พนักงานกองทุน พนักงานจ้างเหมาบริการ และเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่สังกัดกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
"บุคคลภายนอก" หมายความว่า ผู้รับบริการ ผู้มีส่วนได้เสีย บุคคลหรือกลุ่มบุคคล รวมถึงส่วนราชการหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการบริการหรือการดำเนินงานของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
นโยบายด้านสิทธิมนุษยชน ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นหน่วยงานที่บุคลากรทุกคนต้องตระหนักถึงความสำคัญและเคารพสิทธิมนุษยชนในทุกด้านของแต่ละบุคคล ตลอดจนชุมชนและสังคม และตามสนธิสัญญาที่แต่ละประเทศมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติต่อกัน โดยรวมถึง
๑. ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ
๒. สนับสนุนส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ปฏิบัติต่อทุกคนตามข้อกำหนดตามหลักสิทธิมนุษยชนในทุก ๆ กระบวนการ
๓. หลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งต่อบุคลากรกรมส่งเสริมวัฒนธรรมหรือบุคคลภายนอกก็ตาม และลดความเสี่ยงที่จะการเกิดข้อร้องเรียน ร้องทุกข์จากผู้ที่ได้รับผลกระทบเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากการปฏิบัติงานของบุคลากรภายในหน่วยงาน
๔. การสื่อสาร เผยแพร่ ให้ความรู้ ทำความเข้าใจ กำหนดแนวทาง สอดส่องดูแล และให้การสนับสนุนอื่นใด แก่บุคลากรกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ส่วนราชการหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกันในการให้บริการ และ/หรือการส่งมอบงานต่อกัน ตลอดจนบุคคล กลุ่มบุคคล และเครือข่ายในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานอย่างมีคุณธรรม เคารพต่อสิทธิมนุษยชน และปฏิบัติต่อทุกคนตามหลักสิทธิมนุษยชน ตามแนวนโยบายนี้
แนวทางการปฏิบัติ
๑. ให้ความเคารพต่อสิทธิมนุษยชน ปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และปฏิบัติต่อกัน อย่างเท่าเทียมโดยไม่แบ่งแยกความแตกต่างในทางกาย จิตใจ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา เพศ LGBTQ ภาษา อายุ สีผิว การศึกษา สถานะทางสังคม หรือเรื่องอื่นใด
๒. ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน จากการดำเนินงาน และสอดส่องดูแลเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชน
๓. สนับสนุนส่งเสริมการดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
๔. สอดส่อง ดูแลเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ละเลยหรือเพิกเฉยเมื่อพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลที่รับผิดชอบทราบและให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ หากมีข้อสงสัยหรือข้อซักถามให้ปรึกษาผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลที่รับผิดชอบผ่านช่องทางร้องทุกข์ที่กำหนดไว้
๕. ให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองบุคคลซึ่งเป็นผู้แจ้งเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับ
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
๖. กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจะพัฒนาและดำเนินกระบวนการจัดการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง
๗. กรมส่งเสริมวัฒนธรรมมุ่งมั่นที่จะสร้างและรักษาวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดมั่นต่อการเคารพสิทธิมนุษยชนตามนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน
๘. ผู้ซึ่งกระทำการใดอันเป็นละเมิดสิทธิมนุษยชน จะต้องได้รับการพิจารณาทางวินัยตามระเบียบที่
กรมส่งเสริมวัฒนธรรมกำหนดไว้ นอกจากนี้อาจจะได้รับโทษตามกฎหมายหากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมาย
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จะพิจารณาทบทวนและปรับปรุงนโยบายด้านมนุษยชนของหน่วยงานเป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อเป็นการแสดงถึงพันธะสัญญาระหว่างหน่วยงานและบุคลากรของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงขอให้ทุกคนได้ลงชื่อในหนังสือรับทราบดังที่แนบมาพร้อมนี้
|