วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การส่งเสริมวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศไทย ระหว่าง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม มูลนิธิวิชาหนังสือและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โอกาสนี้ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายมกุฎ อรฤดี เลขานุการมูลนิธิวิชาหนังสือผู้บริหารกรมส่งเสริมวัฒนธรรมและผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรมร่วมแถลงข่าวณ ห้องประชุมชั้น ๘ กระทรวงวัฒนธรรม
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วธ.กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และแผนปฏิรูปประเทศด้านสังคม ซึ่งเน้นการสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง โดยมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาคนในทุกมิติและทุกวัยให้เป็นคนมีคุณภาพ รับผิดชอบสังคมและผู้อื่น ใฝ่ใจการเรียนรู้ พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตกระทรวงวัฒนธรรมจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้คนไทยมีค่านิยมที่พึงประสงค์ สนับสนุนให้ภาคส่วนต่างๆ มีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความรู้ พัฒนาความคิด ถ่ายทอดภูมิปัญญา และร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งการสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพเพื่อให้บรรลุผลตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวนั้น สามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ด้วยการส่งเสริมวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือให้เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยหนังสือเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสวงหาความรู้ เป็นบ่อเกิดขององค์ความรู้ เป็นกลไกในการพัฒนาการเรียนรู้ พัฒนาความคิดที่เป็นระบบ พัฒนาจิตใจและศักยภาพของมนุษย์รวมทั้งสร้างจินตนาการก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ทำให้คนเราสามารถเรียนรู้และปรับตัวให้ทันต่อสภาพสังคมและเหตุการณ์ของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างเหมาะสม อันจะส่งผลต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติโดยรวมในที่สุด
ด้าน นายชาย นครชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เล็งเห็นความสำคัญของหนังสือว่าเป็นเครื่องมือแห่งการพัฒนาวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมแนวคิดทางเศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรมจึงจำเป็นต้องส่งเสริมให้คนไทยมีค่านิยมที่รู้คุณค่าและประโยชน์ของการอ่านหนังสือ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาคุณภาพคนไทยและเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระดับภูมิภาคและระดับสากลดังนั้น กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงได้ร่วมกับมูลนิธิวิชาหนังสือ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสถาบันไทยศึกษาจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศไทย ฉบับนี้ขึ้น เพื่อจัดทำแผนพัฒนาวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙) ให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการอ่านหนังสือและสื่อการเรียนรู้ที่ดีมีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงอีกทั้งเพื่อส่งเสริมรากฐานของวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศ และกลไกการเผยแพร่หนังสือทุกรูปแบบโดยมุ่งหวังว่าการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จะมีประโยชน์แก่สาธารณชนอย่างกว้างขวาง สร้างวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศได้ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาคนและพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป /
ด้านนายมกุฏ อรฤดี เลขานุการมูลนิธิวิชาหนังสือ กล่าวว่า มูลนิธิวิชาหนังสือจัดตั้งขึ้นเพื่อศึกษา ค้นคว้า วิจัยเชิงวิชาการด้านหนังสือ ทั้งรูปแบบและเนื้อหา สนับสนุนวิชาชีพหนังสือ ระบบหนังสือ รวมทั้งสนับสนุนการอ่านระบบหนังสือสาธารณะและระบบหนังสือหมุนเวียน มูลนิธิวิชาหนังสือตระหนักว่าหนังสือเป็นหลักฐานสำคัญแห่งยุคสมัยของมนุษยชาติ เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาความคิดสติปัญญาของมนุษย์ให้งอกงามสมบูรณ์ การอ่านหนังสือนับเป็นกิจกรรมอันสำคัญยิ่งของมนุษยชาติ ด้วยหนังสือคือสิ่งจรรโลงมนุษย์ให้พัฒนาขึ้น เป็นเครื่องมือถ่ายทอดความคิดและความบันเทิง หนังสือจึงไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือยแต่เป็นอาหารสมอง เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติการส่งเสริมวัฒนธรรมหนังสือให้เกิดขึ้นในประเทศไทย สร้างระบบหนังสือและระบบความรู้ให้ประชาชนในประเทศได้มีโอกาสเข้าถึงอย่างเสมอภาค ส่งเสริมให้คนในชาติเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมหนังสือ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเกิดขึ้นในประเทศไทยมูลนิธิวิชาหนังสือ จึงยินดีร่วมมือกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสถาบันไทยศึกษา เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศไทย โดยร่วมมือกันจัดทำแผนพัฒนาวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศไทย ให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสเข้าถึงหนังสือและการอ่านหนังสือ รวมทั้งสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ส่งเสริมพื้นฐานของวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศ ร่วมกันเผยแพร่และประกาศนโยบาย ‘หนังสือคือวัฒนธรรมของชาติ’ รณรงค์เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง และตระหนักถึงความสำคัญของวัฒนธรรมหนังสือ รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือทุกรูปแบบ เพื่อการพัฒนาตนเองของเด็กเยาวชนและประชาชนทั่วไป อันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ
จากนั้น ศ.ดร.จักรพันธุ์ สุทธิรัตน์รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงบทบาทและแนวทางความร่วมมือของสถาบันการศึกษาว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ "ผู้นำการสร้างสรรค์องค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อสร้างเสริมสังคมสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีพันธกิจในสร้างและพัฒนาคน สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพิ่มความร่วมมือในสังคม รัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยตระหนักว่า การพัฒนาคุณภาพของคนไทยให้สามารถแข่งขันในระดับโลกได้ จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมหนังสือ เพื่อสร้างคุณภาพคนไทยให้มีความรู้และจินตนาการที่ทันยุคสมัยพร้อมจะแข่งขันในเวทีโลก เนื่องด้วยการอ่านสร้างองค์ความรู้ นำไปสู่การคิดต่อยอด การพัฒนา และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง หนังสือสามารถสร้างคุณภาพคนและสร้างพื้นฐานที่ดีของชาติได้ แม้ในยุคสมัยปัจจุบันบทบาทของหนังสือ สิ่งพิมพ์ จะลดลงไป แต่การอ่านยังคงเป็นปัจจัยสำคัญและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนพัฒนาการของสังคมไม่ด้อยไปกว่าในอดีต ดังนั้นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงมีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศไทย งานวิชาการและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จมหาวิทยาลัย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือการส่งเสริมวัฒนธรรมหนังสือ และระบบหนังสือของประเทศไทยในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นและส่งผลกระทบในวงกว้างให้วัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือเกิดขึ้นอย่างแท้จริงในสังคมไทยต่อไป
การบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ของทั้ง ๓ หน่วยงาน นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะเป็นการร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่พร้อมจะขับเคลื่อนให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้และการส่งเสริวัฒนธรรมหนังสือและระบบหนังสือของประเทศไทยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม |