
ไม่ว่าประเทศไทยจะอยู่ในยุคใด เมื่อมีวิกฤตการณ์ต่างๆเกิดขึ้นในสังคมไทย น้ำใจไมตรีของคนไทยยังเต็มเปี่ยมไม่เคยเหือดแห้ง ในเวลานี้ก็เช่นเดียวกันไม่ว่าเราจะเดินทางไปแห่งหนตำบลใด เรามักจะเห็นภาพและข่าวที่น่าประทับใจของผู้คนที่ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ หรือแม้ต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรม จะเห็นภาพการแสดงออกในการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปันน้ำใจให้แก่กันและกัน ใครมีมากก็นำมาแบ่งปันให้คนที่มีน้อย เป็นภาพที่เห็นแล้วชื่นใจจริงๆ
หนึ่งในภาพที่พบเห็นได้บ่อยในเวลานี้ คือ "ตู้ปันสุข” หรือ ตู้ปันน้ำใจ ที่ผู้ใจบุญ มีจิตเมตตานำข้าวปลาอาหาร สิ่งของจำเป็นมาใส่ไว้เพื่อช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจากภัย โควิด-๑๙ เพียงในชั่วพริบตาข้าวของที่เห็นเต็มตู้ได้กระจายไปอยู่ในมือของคนที่ได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า ผู้รับอิ่มท้อง ผู้ให้ย่อมอิ่มใจ แต่ภาพที่เห็นทางสื่อสารมวลชน เป็นพฤติกรรมที่เข้าทำนอง "มือใครยาวสาวได้สาวเอา” คือ ต่างคนต่างรุมแย่ง เอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง โดยไม่นึกถึงคนอื่น คิดเอาแต่ได้โดยไม่สนใจคนที่มีความเดือนร้อนและต้องการเหมือนกัน รีบแย่งกันหยิบของไปจำนวนมากเกิน ไม่เหลือไว้ให้คนข้างหลัง เป็นภาพที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย
ตู้ปันสุข เกิดจากเจตนาดีของคนที่ความพร้อม มีกำลังทรัพย์และจิตใจที่เมตตา แสดงน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบ ผู้ด้อยโอกาสในสังคมที่มีความคาดแคลนให้ได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนให้น้อยลงในภาวการณ์นี้ พฤติกรรมที่ไม่น่ารักของบางคนทำให้หลายสถานที่มีการจัดระเบียบและทำความเข้ากับคนที่มาหยิบของจากตู้ ในหลายสถานที่จึงเริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่ในบางแห่งยังคงเห็นภาพของผู้คนที่เบียดเสียดเพื่อให้ได้สิ่งของตามที่ตนต้องการ ซึ่งผิดกับอุปนิสัยของคนไทย ที่มีความเมตตากรุณา ชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือกันเมื่อยามตกทุกข์ได้ยาก พฤติกรรมเห็นแก่ได้ของบางคนนี้ อาจมีผลให้ผู้ที่มีจิตใจเมตตากรุณาอาจเปลี่ยนใจ ไม่นำสิ่งดีๆ มามอบแก่กันก็เป็นได้
ฉะนั้น ผู้ที่เดือนร้อนต้องการสิ่งดีๆจากตู้ปันสุข นอกจากจะเป็นผู้รับแล้วควรเป็นผู้ให้ด้วย เพียงรู้จักแบ่งปัน ไม่โลภมาก ไม่เบียดเบียดกัน ปันน้ำใจให้แก่กัน กินอยู่อย่างพอเพียง เพียงเท่านี้ทุกๆคน ไม่ว่าจะยากดีมีจนก็อยู่อย่างเป็นสุขได้ ตามคำสอนของพ่อที่ให้คนไทยอยู่อย่างพอเพียง พอประมาณ และไม่โลภมาก
"คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย
เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียน คนอื่นน้อย
ถ้าทุกประเทศมีความคิด อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ
มีความคิดว่าทำอะไรต้อง "พอเพียง”
หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง
ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข...”
(พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระราชทานแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๑)
อ้างอิง : แอฟพลิเคชัน สุขพอที่พ่อสอน .พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท