
วันนี้ นายวินัย พันธุรักษ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล - ขับร้อง) พุทธศักราช ๒๕๖๒ มีอายุครบ ๗๕ ปี เต็มแล้ว แต่ลีลาอันนุ่มนวล น้ำเสียงที่ไพเราะ ยังคงตราตรึงในจิตใจแฟนเพลงอยู่มิเสื่อมคลาย ท่านเป็นนักร้องที่มีความสามารถสูง ไม่ใช่แค่ร้องเพลง เล่นดนตรีได้เพียงอย่างเดียว ท่านยังมีความสามารถด้านการประพันธ์เพลงไทยสากล ที่สำคัญ ยังเป็นศิลปินนักร้องผู้ร่วมสร้างตำนานวงดนตรีไทยสากลของประเทศ นั่นคือ วง ดิ อิมพอสซิเบิ้ลส์ ซึ่งเป็นวงดนตรีแรกที่ทำให้คนไทยได้ฟังเพลงไทยสากลในแนวใหม่ และมีผลงานเพลงอมตะยอดนิยมตลอดกาล ส่งผลให้วงการเพลงไทยสากลเกิดการพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
อาวินัย พันธุรักษ์ เป็นชาวจังหวัดสระบุรี เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้รับปริญญาศิลปกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาดนตรีสากล จากมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และได้รับปริญญาศิลปกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาดนตรีไทยสมัยนิยมจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง อาวินัย เป็นผู้มีพื้นฐานการร้องเพลงมาตั้งแต่เยาว์วัย ด้วยครอบครัวมีวงดนตรีเครื่องสายไทย บรรเลง บ้านพันธุรักษ์จึงอบอวลด้วยเสียงดนตรีไทยและเพลงไทยเดิม การที่อยู่กับดนตรีและเสียงเพลงมาตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้มีทักษะด้านการร้องเพลงไทยเดิมเป็นอย่างดี
ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลังจากได้รับรางวัลจากการประกวด ร้องเพลงในงานภูเขาทอง วัดสระเกศ ได้ความเมตตาจากครูพยงค์ มุกดา ให้เป็นนักร้องประจำวง ได้เล่นดนตรีและร่วมเดินสายกับวงดนตรีตามภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย จนได้บันทึกแผ่นเสียง สปีด ๗๘ เช่น เพลงขวัญใจนักเรียน แหล่สรรพสิทธิ์ แหล่นครปฐม ลูกบัวลอย พี่จ๋าอย่าหนีตาม อุดมเด็กดี เด็กขายเพลง ลูกชาลีรันทด เป็นต้น ในปี พ.ศ.๒๕๐๙ ได้ร่วมก่อตั้งวงดนตรี ดิ อิมพอสซิเบิล (The impossible) กับ เศรษฐา ศิระฉายา และเพื่อนนักดนตรี โดยเพลงที่ร้องในวงดนตรีเป็นแนวประสานเสียง และได้ร่วมร้องเพลงประกอบภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ เพลงความรักเพรียกหา จากเรื่องแก้ว , เพลงชื่นรัก จากเรื่องโทน , เพลงน้ำผึ้งพระจันทร์ จากเรื่องน้ำผึ้งพระจันทร์ เป็นต้น
ได้รับรางวัลที่สำคัญ เช่น รางวัล "ทีวีตุ๊กตาทอง” จากเพลงสิ้นกลิ่นดิน และเพลงชำมะเลียง รางวัลแผ่นเสียง ทองคำพระราชทานจากเพลง "สิ้นกลิ่นดิน” รางวัลนักร้องเพลงไทยสากลอมตะ และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย นายวินัย พันธุรักษ์ ได้รับความนิยมในฐานะนักร้องเดี่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถใช้เสียงที่ออกมาจาก จิตวิญญาณ ด้วยความรักในเพลงบวกกับการหล่อหลอมด้วยประสบการณ์มีเทคนิคการขับร้องเพลง เช่น การเอื้อน การออกคำ ตลอดจนการกำหนดลมหายใจในการขับร้อง และการออกเสียงที่ชัดเจน ทำให้บทเพลงได้รับความนิยมมาก โดยได้สร้างสรรค์ผลงานการแสดง รวมถึงผลงานขับร้องเพลงและอัดแผ่นเสียง รวมมากกว่า ๑,๐๐๐ เพลง
ปัจจุบัน ท่านยังคงสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง และเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ในด้านการขับร้อง การเล่นดนตรี และการแสดง เพื่อเป็นการอนุรักษ์เพลงไทยสากลให้คงอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป