
การเขียนภาพจิตรกรรมไทยประเพณีจะเขียนขึ้นจากจินตนาการไม่ได้จำลองขึ้นจากธรรมชาติ เป็นภาพที่เขียนแบบแบนๆสองมิติ ไม่มีแสงเงา ภายหลังได้รับอิทธิพลการเขียนภาพจากตะวันตก จึงเกิดการเขียนภาพที่มีแสงเงา แต่องค์ประกอบภาพจิตรกรรมยังคงยึดแบบเดิมไว้ ส่วนการเขียนภาพมุมมองของนก (bird’s eye view) เชื่อว่าได้รับอิทธิพลจากประเทศจีน
จิตรกรรมฝาผนังอาจแบ่งตามการใช้โทนสีในการเขียนได้เป็นประเภทจิตรกรรมเอกรงค์ และจิตรกรรมพหุรงค์
จิตรกรรมเอกรงค์ เป็นงานจิตรกรรมที่ใช้สีเพียงสีเดียวเป็นหลัก และอาจมีสีอื่นๆ ประกอบด้วยแต่ไม่มาก และกลมกลืนไปในโครงสีหลัก เมื่อมองดูจะเห็นเป็นสีเดียวโดยตลอด เช่น จิตรกรรมในกลุ่มพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งใช้สีแดง มีการตัดเส้นโดยสีดำและปิดทองบางส่วน
จิตรกรรมพหุรงค์ เป็นงานจิตรกรรมที่มีการใช้สีประกอบกันหลายสี ไม่เป็นโครงสีเดียวกันตลอด อย่างไรก็ดีจิตรกรผู้สร้างสรรค์งานจำเป็นต้องคำนึงถึงความกลมกลืนของสีต่างๆ ตัวอย่างเช่น จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดสุวรรณาราม กรุงเทพมหานคร ที่ใช้สีหลากหลาย เช่น สีดำ แดง เขียว น้ำเงิน และสีทอง
ส่วนการแบ่งภาพจะแบ่งเป็นตอนๆ ในงานจิตรกรรมฝาผนังไทย จิตรกรจะใช้วิธีคั่นด้วยการเขียนแถบรูปร่างเส้นหยักเหมือนฟันปลาหรือเขายอดแหลม เรียกว่า "เส้นสินเทา” "เส้นคดกริช” "เส้นแผลง” หรือบางครั้งเขียนเป็น "ลายฮ่อ” ซึ่งมีลักษณะเป็นแถบผ้าสะบัดกลับไปกลับมาในการแบ่งภาพ
ส่วนในการเขียนภาพหน้าคน ถ้าเขียนด้านหน้าตรงๆ เรียกว่า "หน้าอัด” ถ้าเขียนหน้าด้านข้างเรียกว่า "หน้าเสี้ยว”
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจิตรกรรฝาผนังภายในพระอุโบสถ พระวิหาร จะมีจุดประสงค์หลักเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แต่ภาพและเรื่องราวที่เขียนยังแสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ วิถีชีวิตของผู้คน และสภาพบ้านเมืองที่แสดงอยู่ในจิตรกรรมนั้นๆ จึงเป็นหลักฐานสำคัญอันเป็นประโยชน์ในการศึกษาหาความรู้เรื่องราวในอดีตได้อีกทางหนึ่ง
เนื้อหาเพิ่มเติม >>>องค์ประกอบจิตรกรรมฝาผนังพร้อมภาพประกอบ
ที่มา : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม หนังสือมรดกภูมิปัญญา จิตรกรรมฝาผนังสมัยรัตนโกสินทร์ (วัดราชสิทธาราม วัดสุวรรณาราม และวัดทองธรรมชาติ) มิถุนายน ๒๕๖๓