
ในเรื่อง "รามเกียรติ์” ลิงระดับบิ๊กที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ นอกจาก "หนุมาน” แล้ว "พาลี” ก็เป็นพญาลิงอีกตนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเจ้าชู้ไม่แพ้กัน แม้จะมีเมียแค่สองคน แต่ทั้งคู่ล้วนเป็นว่าที่เมียของคนอื่นทั้งสิ้น เรื่องเป็นมาอย่างไร เรามาเล่าสู่กันฟัง
"พาลี” เป็นลูกของพระอินทร์กับนางกาลอัจนา เดิมมีกำเนิดเป็นคน แต่เพราะถูกฤาษีโคดม สามีของแม่จับได้ว่าเป็นลูกชู้เลยถูกสาปให้เป็นลิง เช่นเดียวกับ "สุครีพ” ที่เป็นลูกของพระอาทิตย์ (ชู้อีกคนของแม่) ทั้งคู่มีศักดิ์เป็นน้าของหนุมาน เพราะเป็นน้องชายของ นางสวาหะ แม่หนุมานที่เป็นพี่สาวร่วมแม่ แต่ต่างพ่อกัน โดยนางสวาหะเป็นลูกสาวแท้ๆ ของฤาษีโคดมและเป็นลูกคนแรกของนางกาลอัจนา ลักษณะของพาลี เป็นลิงที่มีกายสีเขียว ส่วนสุครีพมีกายสีแดง ทั้งสองเมื่อถูกสาปก็ซัดเซพเนจรอยู่ในป่า พระอินทร์ผู้เป็นบิดา เกิดความสงสารลูกตัวจึงได้สร้างเมืองชื่อว่า "ขีดขิน” ให้ไปอยู่ โดยตั้งให้เป็นเจ้าเมืองมีชื่อว่า "พญากากาศ” ส่วนสุครีพน้องชายให้ดำรงตำแหน่งเป็นมหาอุปราช
ที่กล่าวว่าพาลีเป็นลิงเจ้าชู้นั้น เพราะตามเนื้อเรื่อง ท่านพญาลิงผู้นี้เห็นสาวสวยเป็นปิ๊งทันที ไม่สนใจว่านางจะเป็นของผู้ใด แรกสุดเมื่อพระอิศวรได้ประทานนางมณโฑให้แก่ทศกัณฐ์ แล้วทศกัณฐ์พานางเหาะผ่านเมืองขีดขินเพื่อกลับไปกรุงลงกา พญาพาลีก็โกรธหาว่าทศกัณฐ์หมิ่นตน เลยเหาะขึ้นไปหวังจะทำร้าย แต่ครั้นเหลือบไปเห็นสาวงามมณโฑเข้า ต่อมเจ้าชู้ก็เริ่มทำงาน จึงเข้าสู้รบแย่งชิงนางมาจากทศกัณฐ์ทันที แล้วก็พานางกลับไปเป็นเมียที่นครขีดขิน จนตั้งท้อง ต่อมาทศกัณฐ์ให้อาจารย์ตนมาทวงนางมณโฑคืน พาลีจำต้องคืนให้ด้วยความจำใจ โดยก่อนคืนได้ขอให้พระฤษีอังคต พระอาจารย์ของตนผ่าท้องเอาลูกออกมา แล้วไปฝากเลี้ยงไว้ที่ท้องนางแพะจนครบกำหนดคลอด พระฤษีจึงตั้งชื่อให้ลูกพาลีว่า "องคต” เลียนแบบชื่อตน
ครั้งหนึ่งเมื่อรามสูรไล่ล่านางเมขลา และอรชุนเทพบุตรเกิดไปขวางทางเข้า จึงเกิดการต่อสู้กัน อรชุนเทพบุตรเสียท่าถูกรามสูรจับเหวี่ยงไปฟาดกับเขาพระสุเมรุจนถึงแก่ความตาย ด้วยแรงฟาดที่รุนแรงและอรชุนก็เป็นเทพที่มีฤทธาไม่น้อย เขาพระสุเมรุจึงทรุดเอียงไปในทันที เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว รามสูรตัวต้นเรื่องก็ไม่อยู่ดูความเสียหาย เหาะกลับวิมานของตนไป แต่ผู้เดือดร้อนคือ พระอิศวรผู้เป็นใหญ่ที่ต้องรีบสั่งระดมสรรพกำลังทั้งเทวดา ครุฑนาค ฤษี คนธรรพ์ วิทยาธรทั้งหลาย รวมทั้งพญาลิงทั้งสองคือ พญากากาศและสุครีพมาช่วยกันฉุดเขาพระสุเมรุแกนของจักรวาลให้ตั้งตรงให้ได้ ซึ่งการรั้งเขาพระสุเมรุนี้ได้ใช้พญานาคทำเป็นเชือกพันรอบเขาแล้วช่วยกันดึงขึ้นมา แต่ดึงเท่าไรก็ไม่สามารถขยับเขาได้ ในที่สุดสุครีพเกิดความคิด เอามือไปจี้ พญานาคจั๊กจี้จึงสะดุ้งขดตัวอย่างแรง ทำให้เขาพระสุเมรุเขยื้อน ขณะเดียวกันพญากากาศก็ได้เนรมิตกายให้ใหญ่แล้วใช้ไหล่แบกดันเขาสุเมรุ จนเขาพระสุเมรุกลับตั้งตรงได้อย่างเก่า วันรุ่งขึ้น พระอิศวรจึงโปรดให้พญากากาศเข้าเฝ้าตั้งให้เป็น "พาลีธิราช” พร้อมพระราชทานตรีเพชรให้เป็นรางวัล และยังให้พรว่า เมื่อต่อสู้กับศัตรู กำลังของศัตรูจะลดไปครึ่งหนึ่ง และกำลังที่ลดนั้นให้กลับมาเพิ่มกับพาลี ส่วนสุครีพน้องชายเจ้าความคิดนั้น พระองค์ได้ประทานนางฟ้านาม "ดารา” ที่สวยหยาดฟ้ามาดินใส่ผอบฝากพาลีนำไปให้ เนื่องจากสุครีพไม่ได้มาเข้าเฝ้าด้วย ครานั้นพระนารายณ์ก็ได้ทักท้วง กลัวจะไปไม่ถึงมือสุครีพ (คงพอทราบกิติศัพท์ของพาลีดี) พาลีจึงให้สัตย์สาบานว่า ถ้าตัวเองยักยอกเมียของน้องเมื่อใด ก็ขอให้ตายด้วยคมศรของพระนารายณ์ ได้ฟังดังนั้นทั้งสองพระองค์ก็คลายใจ เมื่อลาพระอิศวรมาแล้ว ยังไม่ทันจะไปให้น้องชาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พาลีจึงแอบเปิดผอบดู ครั้นเห็นความสวยของ "นางฟ้าดารา” ที่เตะตาเตะใจ ก็เลยยึดนางไปเป็นเมีย ไม่คืนให้กับน้องชาย ส่วนสุครีพก็คงพูดไม่ออก
ต่อมาเมื่อทรพี ควายจอมซ่าส์ ได้ฆ่าทรพาผู้เป็นพ่อแล้ว ก็เกิดความฮึกเหิมท้าตีท้าต่อยไปทั่ว จนหาญกล้าไปท้าพระอิศวร แต่พระองค์ไม่เล่นด้วยบอกให้ไปสู้กับพาลีให้ชนะเสียก่อน ทรพีจึงไปท้ารบกับพาลี สู้กันครั้งแรกไม่มีใครแพ้ใครชนะ จึงนัดท้าดวลกันใหม่ที่ถ้ำสุรกานต์ ก่อนไปพาลีได้สั่งสุครีพไว้ว่า หาก ๗ วันผ่านไปแล้วตนยังไม่กลับมา ให้ไปดูที่หน้าถ้ำ ถ้าเห็นเลือดที่ไหลออกมาเป็นสีแดงข้นแสดงว่าทรพีพ่ายแพ้ แต่ถ้าเป็นเลือดใส แสดงว่าตนสิ้นชีพแล้ว ให้เอาก้อนหินไปปิดถ้ำ มิให้ใครมาเห็นศพ ปรากฏว่าสู้กันครั้งนี้พาลีชนะ เลือดทรพีสีแดงเข้มไหลมาปากถ้ำ แต่บังเอิญเกิดฝนตก ทำให้สีเลือดจางไป เมื่อสุครีพและองคตมาพบเห็นเป็นเลือดใส ก็เสียใจคิดว่าพาลีตายแล้ว จึงนำก้อนหินมาปิดปากถ้ำตามคำสั่งเสีย ครั้นพาลีออกมาเห็นดังนั้น ก็คิดว่าน้องทรยศ จึงโกรธมากอาละวาดขับไล่สุครีพออกจากเมืองไป โดยไม่ฟังความใดๆทั้งสิ้น ต่อมาหนุมานได้มาชักชวนน้าชายให้ไปรับใช้พระรามด้วยกัน
ครั้นเมื่อมารับราชการกับพระราม สุครีพก็ได้เล่าเรื่องราวของตนให้ฟัง รวมถึงเรื่องที่พาลีผิดคำสาบานพระรามจึงรับปากจะช่วยสุครีพและให้ไปหลอกล่อพาลีออกมาต่อสู้ เพื่อที่จะได้แผลงศรฆ่าพาลี ปรากฏว่าเมื่อพระรามแผลงศรไป กลับถูกพาลีจับศรไว้ได้ด้วยมือเปล่า ครั้นพาลีพิจารณาไปพิจาณามาก็เห็นพระรามผู้ยิงตนคือองค์นารายณ์อวตาร จึงสำนึกได้ว่าตนคงต้องตายเพราะผิดคำสัตย์สาบานแน่แล้ว ก็รู้สึกเสียใจที่ไม่มีโอกาสอยู่ช่วยพระรามปราบยักษ์ ส่วนพระรามเองก็เสียดายความสามารถของพาลี จึงแนะว่าให้เอาเลือดพาลีสักครึ่งหยดๆลงไปบนศรพรหมาสตร์ก็จะพ้นคำสาบานไม่ต้องตาย เพียงแต่จะมีแผลเป็นขนาดเส้นผมผ่าเจ็ดที พาลีคิดแล้วเห็นว่าแม้แผลจะเล็กน้อย แต่ก็ดูเสียศักดิ์ศรี เสียสัตย์สาบาน น่าอับอาย เลยยอมตายดีกว่า ว่าแล้วก็เรียกสุครีพ และองคตลูกชายมาสั่งลา พร้อมกับแนะนำสุครีพถึงการปฏิบัติตนในการรับใช้พระราม และคำสอนในตอนนี้เอง ที่เป็นที่มาของ "พาลีสอนน้อง” ตามที่เราได้ยินได้ฟังกันมานาน
อันที่จริง ถ้าพาลีไม่ตาย จะเป็นกำลังที่เข้มแข็งมากของพระราม เพราะเคยสู้ชนะทศกัณฐ์มาแล้ว อีกทั้งยังมีพลังแข็งแกร่งขนาดแบกดันเขาพระสุเมรุได้ แต่น่าเสียดายที่ความเจ้าชู้ทำให้ต้องเสียสัจจะ กลายเป็นพญาลิง ที่แย่งเอาเมียยักษ์ คือ แย่งนางมณโฑมาจากทศกัณฐ์ และลักเมียลิง คือ ลักเปิดผอบที่ใส่นางดาราว่าที่เมียของ สุครีพลิงน้องชาย แล้วก็ได้นางเป็นเมียไม่ยอมคืนน้อง แต่กระนั้นก็ยังต้องชมว่า ยังสมเป็นพญาลิงเจ้าเมืองที่ยอมตายไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี และยังถ่ายทอดประสบการณ์ตนเองเป็นการสอนน้องก่อนตายด้วย
..................................................................
น.ส.ทัศชล เทพกำปนาท ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ภาพ : www.pinterest.com