
ถ้าถามว่ายักษ์ตนไหนโด่งดังและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุด เชื่อว่าคงไม่มีใครเกิน "ทศกัณฐ์” พญายักษ์ ตัวเอกฝ่ายอธรรม ในเรื่อง "รามเกียรติ์” แม้แต่ชาวต่างประเทศเอง ก็อาจจะเคยเห็นรูปปั้นของท่านยืนเป็นนายทวารบาลหน้าพระอุโบสถวัดพระแก้วคู่กับ "สหัสเดชะ” ยักษ์ผู้มีถึงพันหน้าสองพันมือ
เรื่องราวของ "ทศกัณฐ์” คงเป็นที่ทราบกันดีว่า เดิมเป็นยักษ์ชื่อ "นนทก” มีหน้าที่ล้างเท้าให้เหล่าเทวดาทั้งหลาย แล้วก็ถูกกลั่นแกล้งด้วยการลูบหัวจนหัวล้าน ครั้นต่อมาได้พรนิ้วเพชรจากพระอิศวร จึงแก้แค้นด้วยการไปไล่ชี้เทวดาจนตายนับไม่ถ้วน ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องมาช่วยปราบ หลอกล่อจนนนทกเสียที ก่อนตายจึงตัดพ้อต่อว่าพระนารายณ์ในเชิงว่าพระองค์มีหลายมือตนเลยสู้ไม่ได้ ท่านก็เลยท้าให้นนทกไปเกิดใหม่มีสิบหน้า ยี่สิบมือ ให้มีอิทธิฤทธิ์สารพัด ส่วนท่านจะไปเกิดเป็นมนุษย์ธรรมดาและตามไปฆ่านนทกให้ได้ ต่อมานนทกได้ไปเกิดเป็นโอรสองค์โตของท้าวลัสเตียนและนางรัชดาแห่งกรุงลงกา มีชื่อว่า ทศกัณฐ์ มีน้องๆ อีก ๖ คน คือ กุมภกรรณ พิเภก ขร ทูษฐ์ ตรีเศียร และนางสำมนักขา
ทศกัณฐ์ ยังมีชื่ออื่นอีกว่า ท้าวราพณาสูร ท้าวราพณ์ หรือท้าวราวณะ (ซึ่งล้วนแปลว่า ยักษ์) ท่านเป็นยักษ์รูปงาม มีสิบหน้า ยี่สิบกร กายปกติจะสีเขียว แต่เวลาอารมณ์ดีหรือจะเกี้ยวสาว ก็จะเนรมิตให้มีกายสีทอง มีนิสัยเจ้าชู้ และเหตุนี้เอง จึงนำมาซึ่งความวิบัติเมื่อนางสำมนักขา น้องสาวคนสุดท้องมาเล่าถึงความงามของนางสีดา จนทำให้เกิดความหลงใหล อยากได้มาครอบครอง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีเมียอยู่แล้วหลายคน จึงกลายมาเป็นศึกชิงนางอันยืดเยื้อจนวงศาคณาญาติต้องตายแทบทั้งหมด และตนเองก็ต้องตายด้วยศรพระรามในที่สุด
ด้วยความเจ้าชู้ของทศกัณฐ์นี่เอง จึงเป็นที่มาของสำนวนว่า "เจ้าชู้ยักษ์” ซึ่งหมายถึง ผู้ชายที่เกี้ยวพาราสีผู้หญิงโดยใช้วิธีพรวดพราดเข้าถึงตัว พยายามไขว่คว้าจับต้อง หรือหักหาญผู้หญิงเอาด้วยกำลัง อันเป็นกิริยาท่าทางทำนองเดียวกับที่ทศกัณฐ์รุกเข้าหานางสีดา แต่ไม่สามารถเข้าถึงตัวได้ เพราะนางตั้งสัตย์อธิษฐานไว้ ทำให้จับตัวไม่ได้ รุ่มร้อนไปหมด แม้จะลงทุนจีบสารพัดรูปแบบ นางสีดาก็ไม่เคยใจอ่อนรับรัก
อย่างไรก็ดี แม้ความ "เจ้าชู้ยักษ์” จะไม่ได้ผลกับนางสีดา แต่ท่านทศกัณฐ์ของเราก็เป็น "ยักษ์เจ้าชู้” ที่มีเมียมากมายสมกับความเป็นยักษ์จริงๆ คือมีเมียทั้งหมด ๑,๐๑๔ นาง มีลูกทั้งหมดรวม ๑,๐๑๗ คน ซึ่งเมียเหล่านี้มีทั้งที่เป็นยักษ์ นาค กบ ปลา และช้าง สำหรับเมียๆมีใครบ้างนั้น จะได้เล่าสู่กันฟัง ณ บัดนี้
คนแรก คือ นางกาลอัคคี เป็นธิดาพญากาลนาค ซึ่งรบแพ้ท้าวลัสเตียน จึงจะยกนางให้เป็นบรรณาการ แต่ท้าวลัสเตียนเห็นว่าตนชราภาพแล้ว อีกทั้งมเหสีและสนมเดิมก็มีอยู่มาก จึงยกนางนาคกาลอัคคีให้ทศกัณฐ์ ผู้เป็นลูกชายคนโต โดยให้นางมีตำแหน่งเป็นอัครมเหสีสูงศักดิ์กว่านางสนมทั้งปวงของทศกัณฐ์ ซึ่งมีอยู่แล้วถึง ๘๔,๐๐๐ ตน มีโอรสองค์ด้วยกันคนหนึ่งชื่อ "บรรลัยกัลป์” เมื่ออายุ ๕ ปีได้ไปอยู่กับตาที่เมืองบาดาล ได้อาบน้ำว่านศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ตัวมีความลื่นจนไม่มีใครสามารถจับได้ และอาวุธก็ทำอันตรายไม่ได้ เพราะจะลื่นแฉลบไปหมด แต่สุดท้ายก็ถูกหนุมานใช้ทรายซัด เลยถูกจับและสังหารตาย
คนที่สอง คือ นางมณโฑ เดิมเป็นนางกบ ที่พระฤษีชุบชีวิตขึ้นมาและถวายไปให้พระอิศวร เป็นผู้รับใช้พระแม่อุมา ครั้นทศกัณฐ์ทำความดีโดยยกเขาไกรลาสที่เอียงทรุดให้ตั้งตรงได้ ได้รับพระราชทานนางมณโฑเป็นรางวัล ทศกัณฐ์จึงสถาปนานางเป็นอัครมเหสีเอกแทนนางกาลอัคคี เพราะถือว่าได้รับพระราชทานนางจากพระอิศวร ผู้เป็นหนึ่งในมหาเทพผู้เป็นใหญ่ อีกทั้งนางยังเป็นนางกำนัลของพระแม่อุมา พระชายาพระอิศวร ศักดิ์ฐานะจึงสูงกว่า นางมณโฑมีลูกกับทศกัณฐ์ ๓ คน คือ รณพักตร์ ต่อมาเปลี่ยนเป็น อินทรชิต เพราะรบชนะพระอินทร์ คนที่สอง คือ นางสีดา พอเกิดมาก็ร้องว่า "ผลาญราพณ์” ๓ ครั้ง พิเภกทำนายว่านางเป็นกาลกิณีจะมาล้างผลาญเผ่าพันธุ์ยักษ์ ทศกัณฐ์จึงจับใส่ผอบลอยน้ำ จนฤษีเก็บไปเลี้ยง ต่อมาได้เป็นเมียพระราม และกลายมาเป็นชนวนสงครามอันยาวนาน โอรสคนสุดท้าย และเกิดตอนทศกัณฐ์สิ้นชีพไปแล้ว คือ ไพนาสุริยวงศ์ ซึ่งพิเภกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลูกตน ครั้นเมื่อไพนาสุริยวงศ์ได้รู้ความจริงว่าตนเองเป็นลูกทศกัณฐ์ จึงไปขอความช่วยเหลือจากท้าวจักรวรรดิ เพื่อนทศกัณฐ์ จากนั้นก็จับพิเภกขังคุก ตนครองเมืองลงกาแทน เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ทศพิน” แต่สุดท้ายถูกพระพรตพระอนุชาพระรามสำเร็จโทษตายไป
คนที่สาม เป็น นางปลา ไม่ปรากฏชื่อ แต่มีธิดาหนึ่งคน คือ นางสุพรรณมัจฉา ซึ่งได้กลายมาเป็นเมีย หนุมาน ในตอน "จองถนน” และต่อมาทศกัณฐ์ก็ได้หลานตา ตัวเป็นลิง หางเป็นปลา ชื่อ "มัจฉานุ”
คนที่สี่ เป็น นางช้างพัง ไม่ปรากฏชื่อเช่นกัน มีโอรสแฝดชื่อ ทศคีรีวัน และทศคีรีธร ซึ่งท้าวอัศกรรณมาลา เจ้าเมืองดุรัม สหายทศกัณฐ์ ที่ไม่มีบุตร ได้ขอแฝดทั้งสองไปเลี้ยง ครั้นโตเป็นหนุ่มได้มาเยี่ยมพ่อและออกไปช่วยรบ จึงถูกพระลักษณ์สังหารตายทั้งคู่
สำหรับนางปลาและนางช้างพังนี้ มีกลอนกล่าวถึงตอนทศกัณฐ์แปลงกายไปร่วมอภิรมย์ว่า "แล้วแปลงเป็นมัจฉาไป ร่วมพิสมัยกับนางปลา จนเกิดบุตรีวิลาวัณย์ ชื่อนางสุพรรณมัจฉา แล้วแปลงเป็นพระยาคชา เที่ยวไปในป่าหิมพานต์ เข้าร่วมภิรมย์สมพาส สังวาสด้วยนางคชสาร เป็นสุขสนุกสำราญ เกิดสองกุมารฤทธี ชื่อว่ากิริธรกิริวัน กายนั้นเป็นเพศยักษี ดวงพักตร์นั้นเหมือนชนนี อัศกรรณอสุรีไปเลี้ยงไว้”
ส่วนเมียลำดับที่ห้า ที่มีกล่าวไว้แต่ไม่ได้บอกชื่อ เพราะคงบอกไม่ไหว ได้แต่บอกจำนวน คือ นางสนมพันตน กล่าวคือ มีจำนวนถึง ๑,๐๐๐ ตน และน่าจะเป็นนางยักษ์ทั้งหมดเพราะใช้คำว่า "ตน” นางเหล่านี้แต่ละคนก็มีบุตรคนละคน รวมกันเท่ากับ ๑,๐๐๐ ตนเท่าแม่ ซึ่งโอรสเหล่านี้ รวมเรียกว่า "สหัสกุมาร” (สหัส ก็แปลว่า หนึ่งพัน) โอรสชุดนี้ทศกัณฐ์ใช้ให้ไปเฝ้าสวนขวัญที่ประทับนางสีดา ต่อมาเมื่อหนุมานบุกมา จึงถูกฆ่าตายหมดทั้งพันตน
ส่วนเมียลำดับหก เป็นนางสนมพิเศษ แต่พิเศษอย่างไรก็ไม่ได้บอก และไม่ระบุชื่อเช่นกัน เรียกกันว่า นางสนมสิบตน มีโอรสรวมสิบตน เรียกว่า "สิบรถ” ไม่ปรากฏว่าตายหรือไม่ในระหว่างการทำศึกสงคราม
นอกเหนือไปจากบรรดาเมียๆ ที่สามารถระบุชื่อและที่มาได้ดังข้างต้นแล้ว ว่ากันว่า "ทศกัณฐ์” ยังได้สำแดงพลังรักพลังยักษ์ที่เหนือชั้น ด้วยการเหาะไปบนสวรรค์ แปลงกายเป็นพระอินทร์ไปลุยนางฟ้าทั้งหกชั้นฟ้า ดังคำกลอนที่ว่า "เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ใจหาญ เสวยสุขสวรรยาโอฬาร ด้วยฝูงบริวารนารี มิได้อิ่มใจในรสรัก พระยายักษ์จะใคร่เกษมศรี ด้วยเทพธิดากัลยาณี อสุรีเหาะไปเมืองฟ้า มาถึงพิภพมัฆวาน ในสถานดาวดึงสา จึงอ่านพระเวทอันศักดา แปลงเพศกายากุมภัณฑ์ อ่าองค์ทรงโฉมประโลมใจ ดั่งองค์สหัสสนัยน์รังสรรค์ ยุรยาตรนาดกรจรจรัล เข้าวิมานสุวรรณรุจี ครั้งถึงนั่งแนบนางฟ้า ไขว่คว้าด้วยใจเกษมศรี สัพยอกหยอกเย้าในที ร่วมรสฤาดีภิรมย์ใจ แล้วเที่ยวไปชมสมพาส ทุกวิมานมาศน้อยใหญ่ เชยแก้มแนบเนื้ออรไท ลูบไล้ชมทิพย์สุมามาลย์ เที่ยวไปถึงหกชั้นฟ้า อสุราเป็นสุขเกษมสานต์ เพลินใจในรสฤดีดาล ช้านานถึงเจ็ดราตรี” อุแม่เจ้า ตอนหลังนางฟ้าทั้งหลายแม้จะรู้ตัว ถึงจะโกรธและอายก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเสียตัวเสียรู้ไปแล้ว อีกทั้งท่านพญายักษ์เราก็มีฤทธิ์เดชเกินกว่าจะไปโต้ตอบได้ จึงต้องแล้วกันไป
อันที่จริง หากจะนับจำนวนเมียของ "ทศกัณฐ์” ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนางยักษ์ นางนาค นางกบ นางปลา และนางช้าง ทั้งที่ปรากฏนามและไม่ปรากฏ โดยไม่นับรวมกับสนมเดิมจำนวน ๘๔,๐๐๐ ตนที่มีการกล่าวถึงตอนแต่งตั้งนางกาลอัคคีเป็นมเหสีเอก จะได้เท่ากับ นางกาลอัคคี + นางมณโฑ + นางปลา + นางช้าง + นางสนมพันตน (๑,๐๐๐ ตน) + สนมพิเศษ (๑๐ ตน) = ๑,๐๑๔ คน ส่วนลูกก็มีลูกชาย เท่ากับ ๑,๐๑๕ คน (มณโฑ มีลูกชาย ๒ คน และนางช้างมีลูกชายแฝด ๒ คน) ลูกสาวมี ๒ คน คือ นางสีดา และนางสุพรรณมัจฉา รวมมีลูกทั้งหมด ๑,๐๑๗ คน
น่าเสียดายที่ลูกชายของทศกัณฐ์เกือบทั้งหมดตายเรียบในศึกสงครามครั้งนี้ ยกเว้น สิบรถ ที่ไม่มีการกล่าวถึงว่าตายหรือไม่ ส่วนลูกสาวสองคนยังเหลือรอดอยู่ เพราะนางสีดาแต่งไปอยู่กับพระรามตั้งแต่ต้น ส่วนสุพรรณมัจฉาก็ไปเป็นเมียหนุมาน เป็นที่น่าสังเกตว่า เมียทั้งหมดของทศกัณฐ์ ไม่มีนางมนุษย์เลยสักคน ซึ่งอาจจะเป็นเหตุทำให้ทศกัณฐ์อยากได้นางสีดามากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะหลงใหลในความงามแล้ว ตนยังไม่เคยได้เมียมนุษย์มาก่อน อีกทั้งไม่รู้ว่านางคือลูกของตน เพราะทิ้งไปตั้งแต่เกิด
เมื่อเห็นรสนิยม รวมถึงจำนวนมเหสี นางสนม และความอาจหาญที่ขึ้นไปฟันนางฟ้าถึง ๖ ชั้นฟ้าแล้ว ก็ให้ทึ่งกับความกรุ้มกริ่มและพลังยักษ์ที่เหลือเฟือของท่านทศกัณฐ์จริงๆ มิน่าเขาถึงให้ท่านเป็นที่มาของสำนวน "เจ้าชู้ยักษ์” เพราะไม่ว่าจะเป็นจำนวนหรือเผ่าพันธุ์ของบรรดาเมียๆ ล้วนไม่ธรรมดาทั้งสิ้น
................................................................
น.ส.ทัศชล เทพกำปนาท ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม
(ภาพ) ผลงาน : สุชาติ คณานนท์