
ชีวิตคนเราในแต่ละวันต่างต้องเกี่ยวข้องกับตัวเลขไม่ว่าทางใดทางหนึ่งอยู่เสมอ ทั้งๆที่ดูเหมือนว่าตัวเลขรอบๆตัวจะมีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่หากจะนับจริงๆแล้วไม่พ้นเลข ๑-๑๐ หรือ ๑-๐ ที่มีเพียงสิบตัวเท่านั้น คือ เลข ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘, ๙, ๑๐, หรือ ๐ (ศูนย์) ซึ่งเมื่อนำมาผสมกันแล้วก็จะเกิดตัวเลขที่หลากหลายนับได้มากมายมหาศาล ตัวเลขมีความสำคัญแค่ไหน คงต้องไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะกับคอหวย จะมีความอ่อนไหวต่อตัวเลขเป็นพิเศษ จากอดีตมาจนปัจจุบันก็มีความเชื่อที่เกี่ยวกับตัวเลขไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการดูฤกษ์ผานาทีทำพิธีมงคล อวมงคล การซื้อบ้าน ซื้อรถหรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือที่มีหมายเลขถูกโฉลกกับตน สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความหมายและการให้ค่าของตัวเลขของแต่ละคน
โดยทั่วไป ในเลข ๑-๑๐ หรือ ๑-๐ จะมีเลขที่คนส่วนใหญ่ชอบและถือว่าเป็นมงคลคือ เลข ๑, ๕ และ ๙ ส่วนเลขที่เหลือนั้น มักจะถูกมองข้าม ทั้งๆที่ตัวเลขแต่ละตัวต่างก็มีนัยและความเป็นมงคลซ่อนอยู่ไม่น้อย จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าจะมีเลขหมายใดมีความหมายในใจคุณเพิ่มขึ้น โดยขอเริ่มตั้งแต่เลขตัวแรกเลย ดังนี้
เลข ๑ (หนึ่ง) เลขนี้คนโดยมากถือเป็นเลขมงคลอยู่แล้ว เนื่องจากใครก็ตามที่ได้หมายเลข ๑ นั่นหมายความว่า เขาจะได้รับเกียรติ หรือได้รับสิ่งต่างๆเป็นคนแรก และถ้าเป็นของรางวัลๆที่ ๑ ก็มักเป็นของที่มีคุณค่าหรือราคาสูงกว่าเบอร์อื่นๆ นอกจากนี้ "หนึ่ง” ยังให้ความรู้สึกถึงความเป็นเลิศ และชัยชนะสูงสุด เลข ๑ จึงเป็นเลขที่มงคลที่คนส่วนใหญ่ปรารถนา ถ้าเป็นดาวก็คือดวงอาทิตย์ที่มีพลังความเชื่อมั่นและความแข็งแกร่ง
เลข ๒ (สอง) ถ้าเป็นรางวัล แม้จะดูด้อยกว่าที่ ๑ ไปนิด แต่หากจะมองในแง่บวก จะเห็นว่าเลขนี้ หมายถึง สิ่งที่เป็นคู่ และอะไรที่เป็นคู่ ย่อมจะให้ความรู้สึกที่สุข สดชื่น มีความหวัง และบ่งบอกถึงการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่น คู่รัก คู่มิตร คู่คิด คู่ใจ เป็นต้น ดังนั้น เลขสองจึงเป็นเลขมงคลที่มีนัยแห่งความอบอุ่น เป็นมิตร และความไม่โดดเดี่ยว ถ้าเป็นดาวคือดวงจันทร์ที่แสดงถึงเสน่ห์และพลังแห่งจินตนาการ
เลข ๓ (สาม) แม้หลายคนอาจจะมองว่า อะไรที่มี "มือที่สาม” มาเกี่ยวข้องมักจะก่อให้เกิดความแตกแยกร้าวฉาน แต่จริงๆแล้วเลข ๓ กลับเป็นจำนวนนับของสิ่งมงคลหลายอย่าง โดยเฉพาะในทางศาสนา เช่น พระรัตนตรัย ที่หมายถึงดวงแก้ว ๓ ดวง ได้แก่ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ พระไตรปิฎก หมายถึง พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่มี ๓ หมวดคือ พระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม ตรีมูรติ คือเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ที่มี ๓ องค์ ได้แก่ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ เลขสาม จึงมีมงคลที่น้อมนำเราไปสู่สิ่งที่ดีงามของชีวิต ถ้าเป็นดาวก็คือ ดาวอังคาร ที่มีพลังแห่งความเข้มแข็งและกล้าหาญ
เลข ๔ (สี่) ก็คล้ายๆกับเลขสามที่ว่า เป็นเลขที่กำกับให้เราประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมที่จะเป็นหนทางไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตได้ เช่น พรหมวิหาร ๔ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ซึ่งจะทำให้เราเป็นที่รักของคนรอบข้าง และอิทธิบาท ๔ อันได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา ที่จะเป็นแนวทางนำเราไปสู่ความสำเร็จในกิจการต่างๆ เลขสี่ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่พาเราไปพบกับความก้าวหน้าในชีวิต ถ้าเป็นดาวก็คือดาวพุธที่มีพลังแห่งการสื่อสารและเจรจา
เลข ๕ (ห้า) นอกจากจะมีเสียงคล้ายเสียงหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ! ที่ให้ความสนุกสนาน รื่นเริงแล้ว เลขนี้ ยังเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อหลายอย่าง เช่น วันที่ใช้ในการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง นิยมใช้วันเสาร์ ๕ ผู้หญิงที่มีลักษณะงามที่เรียกว่า เบญจกัลยาณี ต้องงาม ๕ ประการคือ ผม เนื้อ ฟัน ผิว และวัย นอกจากนี้ยังมี ศีล ๕ อันเป็นหลักธรรมที่ช่วยจรรโลงโลกให้ร่มเย็น ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เลขห้าจึงเป็นเลขที่มีความเป็นมงคลอันหลากหลาย ถ้าเป็นดาวก็คือ ดาวพฤหัสที่แสดงถึงพลังแห่งความรู้ สติปัญญา และคุณธรรม
เลข ๖ (หก) เลขนี้แม้เสียงภาษาไทย จะทำให้รู้สึกเสียการทรงตัว แต่หากออกเสียงภาษาจีนว่า "หก” ที่หมายถึง "ฮก” อันเป็นหนึ่งในสามเทพเจ้า "ฮก ลก ซิ่ว” แล้ว ก็คงจะทำให้รู้สึกเป็นมงคลขึ้น เพราะเทพฮก ผู้มีทีท่าอ่อนโยน จะอุ้มทารกในมือ เเสดงถึง มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง มีความสุขสมปรารถนา ส่วนเทพซิ่ว จะถือผลท้อเซียน ใบหน้าเหี่ยวย่นเเสดงถึงความมีสุขภาพเเข็งเเรง มีอายุยืน และเทพลกจะถือหยกปรารถนาในมือ อันหมายถึง ความร่ำรวยมั่งคั่ง และความก้าวหน้า นอกจากเทพฮกแล้ว ทิศ ๖ ในทางพุทธศาสนา ก็เป็นอีกมงคลหนึ่งที่จะช่วยให้เราสัมพันธ์กับคนที่เกี่ยวข้องด้วยอย่างเหมาะสม ซึ่งได้แก่ ทิศเบื้องหน้า คือ บิดามารดา ทิศเบื้องขวา คือ ครูอาจารย์ ทิศเบื้องหลัง คือ บุตร/ภรรยา ทิศเบื้องซ้าย คือ มิตรสหาย ทิศเบื้องล่าง คือ คนรับใช้/คนงาน และทิศเบื้องบน คือ พระสงฆ์ บุคคลผู้แวดล้อมเราเหล่านี้ ล้วนเป็นผู้สามารถสนับสนุนส่งเสริมให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงได้ทั้งสิ้น หากเราจะรู้จักปฏิบัติให้ถูกต้องตามสถานะและความสัมพันธ์กับตัวเรา เลขหก จึงเป็นอีกเลขหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ส่วนดาวคือ ดาวศุกร์ที่แสดงถึงพลังแห่งศิลปะวิทยาการและความมีเสน่ห์
เลข ๗ (เจ็ด) จะเป็นเลขที่มีบทบาทกับชีวิตเราไม่น้อย เช่น รุ้งมี ๗ สี สัปดาห์หนึ่งมี ๗ วัน ซึ่งหลายคน อาจจะสงสัยว่าทำไมถึงเป็น ๗ วัน ทั้งนี้ ก็เพราะว่ามันเกี่ยวพันกับโหราศาสตร์และเทวดาประจำดาวนพเคราะห์ที่มี ๙ ดวง แต่อีกสองดวงคือ ดาวราหูและดาวเกตุ จะมองไม่เห็น คนโบราณจึงกำหนดให้สัปดาห์หนึ่งมี ๗ วัน เพื่อให้บูชาเทวดาประจำวัน และเตือนให้กระทำความดี ไม่หลงผิด และในทางพุทธศาสนา ก็เชื่อว่าเมื่อพุทธเจ้าประสูติ ทรงเดินไปได้ ๗ ก้าว และแต่ละก้าวก็มีดอกบัวมารองรับ ส่วนคริสต์ศาสนาก็เชื่อว่า พระเจ้าสร้างโลกใน ๗ วัน จึงถือว่าเลขนี้เป็นเลขแห่งความอุดมสมบูรณ์ ถ้าเป็นดาวคือดาวเสาร์ที่ให้พลังแห่งความพากเพียรและความอดทน
เลข ๘ (แปด) จีนถือเป็นเลขมงคลยิ่ง เพราะหมายถึงโป๊ยเซียน อันได้แก่ ทิ ก๋วย ลี้ เทพผู้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ฮั่น เจง หลี ผู้มีความกล้าหาญและเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ ลื่อทงบิน เทพแห่งช่างตัดผม ทำให้ค้าขายมีกำไรร่ำรวยเป็นเศรษฐี เจียง กั๋ว เล้า เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งอายุยืน มีเสน่ห์ น่าใช้หัว ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ และเป็นเทพแห่งมวลบุปผาชาติ ฮ่อเซียนไกว ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงาม สติปัญญาดี ฮั่นเซียงจื้อ ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งเทพพยากรณ์ และเช่า ก๊ก กู่ ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งยศฐาบรรดาศักดิ์ การเข้ารับราชการ แค่เซียน ๘ องค์นี้ ก็ทำให้เลขแปดเป็นมงคลเลขที่คนปรารถนาไม่น้อยแล้ว ยิ่งถ้าเขียน เลข 8 เป็นอารบิคในแนวนอน ก็จะเป็นสัญลักษณ์อินฟินนิตี้ที่แสดงถึงการไม่สิ้นสุด ถ้าเป็นดาว ก็คือดาวราหู ที่แสดงถึงความไม่เกรงกลัว ทันคน และโชคลาภ
เลข ๙ (เก้า) เลขนี้เพียงเสียงที่อ่านก็ทำให้คนรู้สึกถึงความมีอนาคตที่ไปก้าวไกล แสดงถึงการพัฒนาที่ก่อให้เกิดความรุ่งเรืองในชีวิต อีกทั้งเลข ๙ ถือเป็นเลขที่มีค่ามากที่สุดในเลขฐาน ๑๐ เพราะเมื่อนับถึงเลข ๙ แล้วก็ต้องรวบเป็นหลักใหม่ ที่น่าแปลกคือ ถ้าเรานับอักษรตัวที่ ๙ ของภาษาอังกฤษจะตกตัว I (ไอ) ที่แปลว่า ฉัน ถ้าเป็นพยัญชนะไทยตัวที่ ๙ คือ ฉ ที่ใช้เป็นอักษรนำคำว่า ฉัน พอดีเช่นกัน นอกจากนี้คนไทยยังถือว่าเลขนี้เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นเลขตัวแทนของ ดาวเกตุ ที่มีพลังแห่งความลึกลับ ศักดิ์สิทธิ์ นำมาซึ่งความมั่งคง ทรัพย์สิน และความเจริญก้าวหน้า
เลข ๑๐ (สิบ) เป็นเลขที่ให้รู้สึกถึงความเต็มสมบูรณ์ เช่น ได้คะแนนเต็มสิบ และในทางปฏิบัติยังเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ดีงามหลายประการ อาทิ บัญญัติสิบประการ (บทบัญญัติที่พระเป็นเจ้ามอบแก่โมเสส) ทศพิธราชธรรม (ธรรมของพระราชาหรือข้อพึงปฏิบัติของผู้บริหาร) เป็นต้น หรือหากจะคิดเป็นเลข ๐ (ศูนย์) อันเป็นเลขตัวสุดท้าย เลขนี้กลับมีปรัชญาแฝงให้คิดอยู่ไม่น้อย เพราะ "ศูนย์” จะมีลักษณะเป็นวงกลมที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด หมุนเวียนต่อเนื่องกันไป ไม่รู้จบ ซึ่งจะหมายถึง ความว่างเปล่า ไม่มีตัวตนก็ได้ หรือถ้าไปเติมท้ายตัวอื่น ก็กลับทำให้เลขนั้นมีค่าทวีคูณขึ้นหลายเท่า ทั้งเลขสิบและศูนย์ จึงมีความเป็นมงคลที่ชวนให้คิดอย่างลึกซึ้ง ถ้าเป็นดาวก็คือ ดาวมฤตยู (ยูเรนัส) ที่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและเทคโนโลยี
อ่านมาครบ ๑๐ ตัวเลขแล้ว รู้สึกอัศจรรย์ใจ ประทับใจ หรือชอบเลขตัวใดเพิ่มขึ้นไหมคะ หากจะเปรียบเลขเหล่านี้เหมือนนิ้วมือคน จะเห็นว่าต่างก็มีความสำคัญ หากขาดตัวใดตัวหนึ่งไป โลกคงเกิดความวุ่นวายและมีปัญหากับการนับจำนวนต่างๆไม่น้อย ยกเว้นพวกเซียนหวยที่อาจจะดีใจเพราะมีตัวเลขให้เดาน้อยลง โอกาสถูกหวยมีมากขึ้น
........................................
น.ส. ทัศชล เทพกำปนาท ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม