
สวด"รัตนสูตร” ขับไล่โรคร้าย
หลังจากที่รัฐบาลได้ขอให้ทุกวัดในราชอาณาจักรร่วมกันสวด "รัตนสูตร” เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นขวัญกำลังใจในการเผชิญกับโรคโควิด ๑๙ หลายคนคงสงสัยว่าพระสูตรบทนี้จะช่วยปัดเป่าโรคร้ายดังกล่าวให้หายไปได้อย่างไร จึงขอเล่าสู่กันฟังจากที่ได้ฟัง ได้อ่านมาเพื่อเป็นความรู้โดยสังเขป ดังนี้ "รัตนสูตร” หรือบางแห่งเรียกว่า "รัตนปริตร” เป็นหนึ่งในบทสวด "เจ็ดตำนาน” ที่ถือว่าเป็นมนต์ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเครื่องป้องกันภยันตรายต่างๆ ที่มีด้วยกัน ๗ พระสูตรหรือพระปริตร ได้แก่
๑.มงคลสูตร ว่าด้วยการปฏิบัติตน ๓๘ ประการเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
๒.รัตนสูตร ว่าด้วยรัตนทั้งสามคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใช้สวดเพื่อปัดเป่าโรคภัยและอันตรายต่างๆ (และเป็นพระสูตรที่รัฐบาลขอให้ใช้สวดพร้อมกันทั่วประเทศในครั้งนี้)
๓.กรณียเมตตสูตร ว่าด้วยการเจริญเมตตา ไปไหนมาไหนให้คนและเทวดาเมตตารักใคร่
๔.ขันธปริตร ว่าด้วยพระพุทธมนต์สำหรับป้องกันสัตว์ร้ายพวกอสรพิษ
๕.ธชัคสูตร ว่าด้วยพระพุทธมนต์ที่ทำให้หายหวาดกลัว และป้องกันศัตรูคู่ต่อสู้
๖.อาฏานาฏิยปริตร ว่าด้วยพุทธมนต์ที่สามารถป้องกันภูตผีปีศาจและอุปัทวันตรายทั้งปวง
๗.อังคุลิมาลปริตร ว่าด้วยมนต์ขององคุลีมาล ใช้ในงานมงคล หรือทำให้คลอดลูกง่าย
คำว่า "ปริตร”หมายถึง เครื่องปกป้องคุ้มครอง ส่วนคำว่า "ตำนาน” ในที่นี้ มิได้หมายถึง เรื่องที่เล่าต่อๆกันมา แต่สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า ตาณ ที่แปลว่า ต้านทาน ที่พึ่งพิง ที่กำบัง ซึ่งบทสวดพระปริตรจะมี ๒ แบบ คือ แบบ ๗ ตำนานเรียกว่า จุลราชปริตร และแบบ ๑๒ ตำนานเรียกว่า มหาราชปริตร โดยจะมีบทสวดเพิ่มมาอีก ๕ พระปริตร คือ โมรปริตร วัฏฎกปริตร โพชฌังคปริตร อภยปริตรและชยปริตร ในบางตำราบทสวด ๗ ตำนานอาจจะมีบางบทที่ต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ใน ๑๒ ตำนานหรือพระปริตรที่กล่าวมานี้ ซึ่งแต่ละปริตรหรือบางทีก็เรียกว่าพระสูตรนี้ก็จะมีเรื่องเล่าถึงความเป็นมาในแต่ละเรื่องว่า
ทำไมจึงใช้เป็นบทสวดเพื่อใช้ป้องกันภัยหรือคุ้มครองรักษาในเรื่องนั้นๆ (พระสูตร คือ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวกับคน หรือสัตว์ ที่ทรงแสดงแก่บุคคลต่างๆในสถานที่ต่างๆ) โดยในที่นี้จะขอเล่าเพียงเรื่อง "รัตนสูตร” ที่กล่าวถึงข้างต้นเท่านั้น ทำไมรัฐบาลจึงเลือก "รัตนสูตร”หรือ "รัตนปริตร” เป็นบทสวดเพื่อไล่โรคโควิด ๑๙ ทั้งนี้ ก็เพราะพระสูตรบทนี้ พระพุทธเจ้าได้ให้พระอานนท์ท่องและเดินทำพระปริตร คือ ให้ความคุ้มครองป้องกันเมืองไพศาลี ซึ่งขณะนั้นเกิดภัยพิบัติถึง ๓ อย่างด้วยกัน และหนึ่งในนั้นคือ เกิดโรคระบาด ซึ่งเมื่อสวดรัตนสูตรแล้ว เมืองก็พ้นภัย ด้วยสถานการณ์ที่สอดคล้องกันดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการสวดรัตนสูตรต้านภัยโควิด ๑๙
ทั้งนี้ ความเป็นมามีว่า ในสมัยพุทธกาล เมืองไพศาลี อันเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรวัชชี (ซึ่งมีการปกครองแบบสามัคคีธรรมหรือคล้ายสาธารณรัฐแบบปัจจุบัน) เกิดข้าวยากหมากแพง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล กลายเป็นทุพภิกขภัยใหญ่หลวง มีโรคระบาด ผู้คนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ซากศพทิ้งไว้นอกเมืองส่งกลิ่นเหม็นตลบไปหมด ทำให้อมนุษย์พากันเข้าเมือง คนก็ยิ่งล้มตายกันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เกิดอหิวาตโรคตามมา กลายเป็น ๓ ภัยใหญ่คือ ทุพภิกขภัย (ภัยจากข้าวยากหมากแพง) อมนุษยภัย (ภัยจากพวกอมนุษย์) และพยาธิภัย (ภัยจากโรคระบาด) คุกคามเมืองไพศาลี อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน กษัตริย์ลิจฉวีซึ่งมีอยู่ ๗ พันกว่าพระองค์ในอาณาจักรวัชชี จึงได้ช่วยกันสอดส่องดูว่าที่เกิดเหตุเภทภัยเช่นนี้ เป็นเพราะมีใครในบรรดากษัตริย์ทั้งหลายที่ว่านี้ ประพฤติตนผิดทำนองคลองธรรมหรือไม่ เมื่อตรวจสอบแล้วก็ไม่พบว่ามีใครผิดธรรมข้อใด จึงพากันไปอาราธนาพระพุทธเจ้า ซึ่งขณะนั้นทรงประทับอยู่ที่เมืองราชคฤห์ของพระเจ้าพิมพิสารให้มาช่วยปัดเป่าภัยร้ายเหล่านี้ ครั้นเมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึง ปรากฎว่ามีฝนโบกขรพรรษตกมาห่าใหญ่พัดพาศพทั้งหลายลอยหายไปในแม่น้ำคงคาจนหมด ทำให้พื้นดินบริสุทธิ์สะอาดโดยทั่วไป ครั้นนั้นพระองค์ได้เรียกพระอานนท์ให้มาเรียนรัตนสูตร อันมีเนื้อความโดยหลักกล่าวถึงคุณแห่งพระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ โดยส่วนแรกเป็นการประกาศให้เหล่าภูตคุ้มครองรักษาพวกมนุษย์ที่ได้นำเครื่องพลีกรรมมาบวงสรวงทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ซึ่งพลีกรรมนี้หมายถึงการทำบุญตามหลักพุทธศาสนา ส่วนที่ ๒ เป็นการบรรยายคุณพระรัตนตรัยว่าเป็นรัตนะอันประเสริฐสุด และส่วนที่ ๓ เป็นการประกาศให้ภูตทั้งหลายจงนมัสการพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และอำนวยพรให้สรรพสัตว์เหล่านี้มีความสุขสวัสดี เมื่อพระอานนท์เรียนแล้วก็นำบาตรน้ำมนต์ของพระพุทธองค์ออกไปพร้อมกับพวกลิจฉวีราชกุมาร เพื่อไปประพรมจนทั่วนครไพศาลี ทำให้พวกอมนุษย์ ปีศาจหนีหายไปหมด โรคภัยไข้เจ็บที่เป็นกันอยู่ก็หายไปด้วย นับแต่นั้นชาวเมืองก็อยู่อย่างมีความสงบสุขตลอดมา และจากเรื่องนี้ทำให้รัตนสูตรเป็นบทสวดหนึ่งที่พระสงฆ์ใช้ในการสวดทำน้ำพุทธมนต์ด้วย
หากถามว่าการสวด "รัตนปริตร” จะช่วยขับหรือต้านโรคร้ายได้จริงหรือ ก็คงขึ้นกับความเชื่อความศรัทธาของแต่ละท่าน แต่ทางวิทยาศาสตร์ได้มีการพิสูจน์แล้วว่า การสวดมนต์ ฟังธรรม ทำสมาธิ ล้วนมีผลดีต่อสุขภาพ เขาบอกว่าคลื่นเสียงของการสวดจะไปกระตุ้นต่อมต่างๆในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนตัวที่ดีๆ อย่างเอ็นโดรฟีน ซีโรโทนิน ทำให้แก่ช้า เกิดภูมิคุ้มกัน ช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบ ลดความเครียด ฯลฯ ซึ่งความเครียดนับเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆ หากเราสามารถลดความเครียดได้ เราก็จะมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีตามมา
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ขอความสุขสวัสดี ความแข็งแรง จงมีแด่ทุกท่าน ขอโรคร้ายทั้งหลายจงปลาสนาการไปจากทุกท่าน ไปจากประเทศเรา และไปจากโลกนี้ด้วยเทอญ
................................................................................
น.ส.ทัศชล เทพกำปนาท ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม