search
ข่าวสาร
>>
ข่าวประชาสัมพันธ์
สวธ.แจ้งการบำเพ็ญกุศลกวีร้อยกรองแห่งยุค ประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช ๒๕๔๘
วันที่ 12 ธ.ค. 2564
นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เปิดเผยว่า วงการวรรณกรรมและนักเขียนของประเทศไทยสุดเศร้า เมื่อได้รับรายงานว่า อาจารย์ประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช ๒๕๔๘ ได้ถึงแก่กรรมด้วยเนื่องจากปอดอักเสบ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๗.๔๙ น. ณ โรงพยาบาลศิครินทร์ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร สิริรวมอายุ ๘๗ ปี โดยทายาทได้แจ้งกำหนดการบำเพ็ญกุศลศพ ดังนี้ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ วันอาทิตย์ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๗.๓๐ น. และกำหนดสวดพระอภิธรรมศพ ๑๒ - ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ ศาลา ๖ (ชวลิตธำรง) วัดธาตุทอง ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งทายาทจะเก็บศพไว้บำเพ็ญกุศล ๑๐๐ วัน และสวธ.จะดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป
อธิบดีสวธ. เปิดเผยอีกว่า นอกจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ในฐานะหน่วยงานที่ดำเนินการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ เผยแพร่และถ่ายทอดผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน แล้ว ในยามที่ศิลปินฯ เสียชีวิต ยังให้การช่วยเหลือด้านต่าง ๆ นอกจากดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพ แล้ว ยังมอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมการบำเพ็ญกุศลศพ จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท และขอพระราชทานเพลิงศพให้ ตามระเบียบสวัสดิการของศิลปินแห่งชาติ
ประวัติโดยสังเขป อาจารย์ประยอม ซองทอง เกิดเมื่อวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ ที่จังหวัดนครพนม เป็นผู้ที่มีความสนใจและประทับใจกับคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองของไทย มาตั้งแต่เยาว์วัย ประยอม ซองทองได้แสดงความสามารถพิเศษด้านการประพันธ์ร้อยกรองอย่างโดดเด่นเมื่อครั้งเป็นนิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาเขียนร้อยกรองที่เต็มไปด้วยความฝันและจินตนาการของกวีที่อ่อนหวานและสะเทือนอารมณ์ ขณะเดียวกันก็แฝงความคิดเห็นต่อสภาพสังคมและเหตุการณ์บ้านเมืองไว้อย่างคมคาย ร้างผลงานเป็นอาชีพจนประสบความสำเร็จและเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนมาตลอดต่อเนื่องเป็นเวลากว่า ๖๐ ปี
อ.ประยอม ซองทอง ทุ่มเทเวลาในชีวิตให้กับการฝึกฝนเขียนคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองอย่างเอาใจใส่จริงจัง ลุ่มหลงกับเสน่ห์ภาษาในบทร้อยกรองที่ไพเราะงดงาม ผลงานจึงปรากฏสู่สาธารณะอย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นนักกลอนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไป ผลงานที่เป็นที่กล่าวขวัญและจดจำกันของนิสิตนักศึกษาและประชาชนในช่วงนั้น ได้แก่ "จะอยู่ไปไย...ถ้า..” "เพื่อและจาก...เพื่อนใจ” "ธารทอง” "ชีวิตเราถ้าเหมือนเรือ” "ไหนศรัทธาอันยืนยง” "กว่าโลกร้อง” "หิ่งห้อย” เป็นต้น ซึ่งนับเป็นบทร้อยกรองที่งดงาม แฝงจินตนาการและสะท้อนความผูกพันของชีวิตกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ความคิดความฝันประยอม ซองทอง หลั่งไหลมาต่อเนื่องยาวนาน
ปัจจุบันมีบทร้องกรองที่เป็นวัฒนธรรมไว้มากมายทั้งจากการรวมเล่มเฉพาะของตนและรวมกับนักกลอนร่วมสมัยทุกทุกชุดล้วนมีคุณค่าทางวรรณศิลป์ บ่งบอกถึงความเป็นอัจฉริยะทางด้านการประพันธ์ ทั้งยังเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ สนับสนุนและส่งเสริมให้กำลังใจผู้สนใจการเขียนคำประพันธ์รุ่นหลังอย่างสม่ำเสมอ เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้คิดริเริ่มและประสานงานในการจัดตั้งกลุ่มนักกลอนร่วมสมัยเป็น "ชมรมนักกลอน” ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางการจัดตั้งชมรมวรรณศิลป์ทั้งในสถาบันและนอกสถาบันอย่างกว้างขวางในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และสืบทอดการแสดงสักวาอย่างแน่วแน่มั่นคงมากว่า ๔ ทศวรรษ นายประยอม ซองทอง จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช ๒๕๔๘
ลิขสิทธิ์ของ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม สำหรับใช้ประโยชน์เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมและการศึกษา
นโยบายเว็บไซต์
|
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
|
นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์
|
การปฏิเสธความรับผิด (Disclaimer)