
ใน"รามเกียรติ์” นอกจาก "ทศกัณฐ์” เจ้ากรุงลงกาผู้มี ๑๐ เศียร ๒๐ กรแล้ว ยักษ์อีกตนที่มีฤทธิ์เดชไม่แพ้กัน แถมยังมีหัวมากกว่าถึง ๑๐๐ เท่า คือ "สหัสเดชะ” เจ้าเมืองปางตาล ที่มีเศียรถึง ๑,๐๐๐ เศียร และมีกรถึง ๒,๐๐๐ กร เป็นยักษ์ที่มีกายสีขาว รูปร่างสูงใหญ่ดั่งเขาอัศกรรม มีอาวุธที่ได้รับจากพระพรหมคือ "กระบองวิเศษ” มีคุณสมบัติ ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น อีกทั้งยังได้พรพิเศษว่า เมื่อใดที่ข้าศึกศัตรูเห็น จะหนีหายไปด้วยความกลัว คือ ไม่ทันต้องต่อสู้ แค่เห็นหน้า ก็เกิดความครั่นคราม เผ่นหนีไปก่อนแล้ว
"สหัสเดชะ” เจ้าเมืองปางตาล ผู้มีชื่อแปลว่า "กำลังนับพัน” นี้มาเกี่ยวข้องกับศึกพระราม-ทศกัณฐ์ ก็เพราะ "มูลพลัม” ยักษ์น้องชายเป็นเพี่อนซี้กับทศกัณฐ์ มูลพลัมจึงได้รับการร้องขอให้มาช่วยรบ มาตนเดียวไม่พอ เพื่อนรักยังได้ชักชวนท้าวสหัสเดชะพี่ชายไปช่วยด้วยอีกแรงหนึ่ง ในครั้งนั้น พิเภกได้ทูลพระรามว่า ทั้งมูลพลัมและสหัสเดชะต่างเป็นยักษ์ที่มีฤทธานุภาพมาก หนุมานคงสู้ไม่ไหว ขอให้พระรามออกไปรบเอง เมื่อพระราม พระลักษมณ์ คุมทัพออกไปรบ ปรากฏว่าด้วยพรของพระพรหมที่ว่า หากท้าวสหัสเดชะเข้าต่อสู้กับศัตรูใด แค่เห็นหน้า ก็ให้ศัตรูนั้นจะเกิดความเกรงกลัว ด้วยเหตุนี้ พอไพร่พลลิงเห็นท้าวสหัสเดชะเท่านั้น ก็หนีหายไปหมด พระรามจึงให้พระลักษมณ์ สุครีพ หนุมานและสิบแปดมงกุฏไปตามไพร่พลลิงกลับมา ส่วนท้าว สหัสเดชะเมื่อเห็นเพียงพระรามและพิเภกก็คิดว่า ศัตรูมีเพียงแค่นี้ ทำไมทศกัณฐ์จึงกริ่งเกรงคิดว่าเป็นศึกใหญ่ จนต้องให้ตนมาปราบ ก็เลยกลับกรุงลงกาไป เหลือเพียงมูลพลัม ต่อมามูลพลัมถูกศรพลายวาตของพระลักษมณ์ตายไป ท้าวสหัสเดชะทั้งเสียใจและเจ็บใจ จึงยกทัพมาแก้แค้น พิเภกในฐานะกุนซือ ก็รู้ว่าถ้ารบกันซึ่งๆหน้าคงแพ้แน่นอน เพราะแค่กระบองวิเศษ ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็นก็สามารถชี้ทหารพระรามให้ตายหมดได้แล้ว จึงขอให้ หนุมานไปหาวิธีเอากระบองดังกล่าวมาให้ได้
หนุมานได้ทำอุบายแปลงกายเป็นลิงเผือกตัวน้อยชื่อ "สังขวานร” ไปคอยทัพท้าวสหัสเดชะ ครั้นเห็นทัพ พญายักษ์ผ่านมา ก็รีบวิ่งไปตัดหน้า ทำให้ท้าวสหัสเดชะโกรธมาก ให้จับตัวลิงน้อยมาสอบถาม ได้ความว่า เป็นข้ารับใช้พระยาพาลีเจ้าเมืองขีดขิน ซึ่งถูกพระรามฆ่าตาย ตัวลิงน้อยถูกจับมารับใช้ข่มเหง มันคับแค้นใจ ยิ่งนัก จึงได้หนีมา ครั้นเห็นทัพของท่านท้าวผ่านมา คิดว่าเป็นพวกที่ตามมาจับตน จึงวิ่งหนีออกไปจนตัดหน้าทัพ หนุมานแปลงเล่าไป ด่าฝั่งพระรามไป ขณะเดียวกันก็สรรเสริญเยินยอพญายักษ์ไปด้วย ท้าวสหัสเดชะฟังแล้วก็รู้สึกปลาบปลื้ม หลงเชื่อไปกว่าครึ่ง และคงคิดว่า ศัตรูของศัตรู ก็คือ มิตร จึงให้ลิงน้อยนั่งหน้ารถไปด้วย นั่งไปนั่งมา ลิงน้อยกลับขอไปนั่งหลังรถแทน บอกว่ากลัวถูกลูกหลงระหว่างรบกัน ครั้นนั่งหลังรถ เดินทัพไปไม่เท่าไร ก็ทำทีเศร้าสร้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น พอถูกถามก็อ้อนว่า ถ้าพระรามพระลักษมณ์ตายได้นั้น ตนคงยินดี แต่จะพาพี่น้องของตนต้องมาตายด้วยนี่ซิ ตนเสียใจยิ่งนัก ท้าวเธอฟังแล้วก็ใจอ่อน สั่งทหารของตนว่า ก่อนโจมตีเหล่าวานร ให้ถามก่อนว่าเป็นญาติกับสังขวานร ลิงน้อยของตนหรือไม่ ถ้าใช่ก็ให้เพียงจับมา อย่าฆ่าทิ้ง เพราะตนจะเลี้ยงดูลิงพวกนี้เอง หนุมานแปลงเห็นท้าวสหัสเดชะตายใจและหลงเชื่อ ก็ยิ่งยอพระเกียรติต่างๆนานา แล้วว่าการศึกครั้งนี้ ตนขอสู้ตายถวายชีวิตแก่สหัสเดชะ พญายักษ์ฟังแล้วก็ยิ่งเอ็นดูลิงเผือกน้อยยิ่งนัก หนุมานแปลงได้ที จึงว่าพระหัตถ์ทั้งสองพันของพระองค์ล้วนมีอาวุธครบครันไว้ต่อสู้ แต่ข้าน้อยไม่มีอาวุธใดเลย จะเอาอะไรไปต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านได้หล่ะ ราชาปางตาลหลงลมปากลิงน้อย จึงยื่นกระบองวิเศษให้พร้อมบอกวิธีใช้ ว่ากระบองเพชรนี้เป็นอาวุธคู่ใจตน สามารถใช้ต้นกระบองชี้ไปศัตรูๆก็จะตาย แต่หากใช้ปลายกระบองชี้ศพใด ร่างนั้นก็จะฟื้นดั่งเดิม พอหนุมานแปลงได้กระบองวิเศษมา ก็ร่ายมนตร์บันดาลให้ร่างตนใหญ่เทียบเท่าพระพรหม สำแดงเดชมีสี่หน้า แปดมือ ใช้เท้าถีบสหัสเดชะจนตกจากราชรถ แล้วกระทืบจนราชรถแหลกยับเยิน เหล่าสนมนางในทั้งห้าร้อยที่สหัสเดชะพานั่งรถมาด้วย ร้องหวีดว้ายวิ่งหนีกันอุตลุด ครั้นท้าวสหัสเดชะทรงกายลุกขึ้นได้ ก็ทั้งตกใจและโกรธเป็นอย่างมากที่เสียรู้แก่หนุมาน ทั้งยังห่วงเหล่าสนมนางกำนัลที่กำลังเสียขวัญ มือทั้งสองพันจึงคว้านางในและ ควานหาอาวุธต่อสู้วุ่นวายไปหมด หนุมานได้ทีตบมือเยาะเย้ยทำนองว่าเป็นจอมมาร มีตั้งพันหน้า สองพันมือรอบกายเสียเปล่า แต่โดนทศกัณฐ์หลอกใช้ วันนี้ตนจะมาเอาชีวิตสหัสเดชะให้ได้ ฝ่ายสหัสเดชะได้ยินคำดูถูก ก็ยิ่งเดือดดาล กระทืบเท้าด่าหนุมานกลับว่า ใช้มารยาเล่ห์กล โกหกหลอกลวง เสียทีที่เป็นชาย ส่วนหนุมานก็โต้ว่า อันธรรมดาสงครามนั้น จะหาความสัตย์ได้ที่ไหน ใครมีอุบายเล่ห์กลก็นำมาใช้ เพื่อให้ได้ชัยชนะทั้งสิ้น ว่าแล้วก็หักกระบองวิเศษเป็นสองท่อนโยนไปต่อหน้าจอมอสูร ท้าวสหัสเดชะแค้นใจนักจึงสั่งทหารยกทัพเข้าโจมตีหนุมานทันที แต่ก็สู้หนุมานไม่ได้ ในที่สุดสหัสเดชะก็ถูกหนุมานเสกหางให้ยาวแล้วพันรอบกายพญาอสูรอย่างแน่นหนา แล้วจับไปถวายพระราม ราชาเมืองปางตาลนอกจากจะรบแพ้แล้ว ยังถูกจับตัวไปให้พวกไพร่พลลิงฝั่งพระรามเยาะเย้ย ได้แต่เจ็บช้ำ น้ำตาไหลด้วยความอัปยศ และสุดท้ายก็ถูกหนุมานใช้ตรีเพชรฟันคอขาดกระเด็นตายไปในที่สุด
อ่านแล้ว หลายคนคงรู้สึกสงสารผู้แพ้ และคงอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมท้าวสหัสเดชะผู้มีถึงพันหน้า สองพันกรถึงได้หลงเชื่อลิงน้อยได้ง่ายนัก อาจจะเพราะว่าท่านเป็นพญายักษ์ที่มีฤทธิ์เดชมาก ไม่เคยมีใครกล้าใช้เล่ห์กลหลอกลวงมาก่อน จึงประมาทและชะล่าใจ อีกทั้งหนุมานที่แปลงเป็นลิงเผือกน้อย คงมีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และยังมีวาทศิลป์เป็นเลิศ ทำตัวเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวน้อยมาขอพึ่งพิง ทำให้พญาอสูรอดเมตตาสงสารไม่ได้ และการที่ให้ใช้อาวุธคู่ใจ คงเพราะเห็นว่าใช้ป้องกันตัวและช่วยฆ่าศัตรูได้ง่ายกว่าอาวุธชนิดอื่น จึงมิได้เฉลียวใจว่าเป็นกลอุบาย กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว แต่อย่างหนุมานว่าก็เป็นจริง คือ ในสงครามล้วนเต็มไปด้วยกลศึก เมื่อรู้ว่ารบซึ่งๆหน้า ยากจะสู้ได้ ก็ต้องหาวิธีเอาชนะด้วยเล่ห์กลต่างๆ
ท้าวสหัสเดชะ เป็นหนึ่งในยักษ์ทวารบาลสองตน ที่ยืนเฝ้าประตูทางเข้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตน- ศาสดาราม และวัดอรุณราชวราราม คู่กับทศกัณฐ์ เพราะถือว่าเป็นพญายักษ์ที่มีฤทธานุภาพมากดุจเดียวกัน
....................................................
น.ส.ทัศชล เทพกำปนาท ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม