กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
เว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้
font size small font size normal font size big
หน้าแรก
Search


ข่าวสาร >> ข่าวประชาสัมพันธ์
กวช.แถลงผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๓

วันที่ 22 ก.พ. 2564
 
     (วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และรองประธานกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติได้แถลงผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ จำนวน ๑๒ คน ประกอบด้วย
 
๑.สาขาทัศนศิลป์ จำนวน ๔ คน ได้แก่
 

๑.๑ ศาสตราจารย์กิตติคุณกำจร สุนพงษ์ศรี (จิตรกรรม)                                    
คำประกาศเกียรติคุณ

๑.๒ นายอำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ (จิตรกรรม-สื่อผสม)
คำประกาศเกียรติคุณ

๑.๓ นายประภากร วทานยกุล (สถาปัตยกรรมร่วมสมัย)
คำประกาศเกียรติคุณ

๑.๔ นายสำเริง แดงแนวน้อย (ประณีตศิลป์-แกะสลักไม้)
 
๒.สาขาวรรณศิลป์ จำนวน ๒ คน ได้แก่
 

๒.๑ นายเอนก นาวิกมูล                                                                                 

๒.๒ นางสาวอรสม สุทธิสาคร
คำประกาศเกียรติคุณ
 
๓.สาขาศิลปะการแสดง จำนวน ๖ คน ได้แก่
 

๓.๑ นายประทีป สุขโสภา (เพลงพื้นบ้าน)
คำประกาศเกียรติคุณ

๓.๒ นายประเมษฐ์ บุณยะชัย (นาฏศิลป์ - โขน)
คำประกาศเกียรติคุณ

๓.๓ นายปี๊บ คงลายทอง (ดนตรีไทย)
คำประกาศเกียรติคุณ

๓.๔ นางสุดา ชื่นบาน (ดนตรีไทยสากล - ขับร้อง)
คำประกาศเกียรติคุณ

๓.๕ นางรุ่งฤดี เพ็งเจริญ (ดนตรีไทยสากล - ขับร้อง)
คำประกาศเกียรติคุณ

๓.๖ นายปง อัศวินิกุล (ผู้กำกับระบบเสียง – สร้างสรรค์ และบันทึกเสียงภาพยนตร์)  
คำประกาศเกียรติคุณ

 
     รองประธานกวช.กล่าวต่อว่า ผู้ที่ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ จะได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเข็มและ โล่เชิดชูเกียรติ และรับค่าตอบแทน เดือนละ ๒๕,๐๐๐ บาท(สองหมื่นห้าพันบาทถ้วน) ตลอดระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่ ค่ารักษาพยาบาลตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลโดยอนุโลม เว้นแต่มีสิทธิเบิกจากหน่วยงานอื่น ให้เบิกจากหน่วยงานนั้นก่อน ถ้าเบิกจากหน่วยงานนั้นได้ต่ำกว่าสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ให้มีสิทธิเบิกในส่วนที่ยังขาดอยู่ได้อีกภายในวงเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ต่อปีงบประมาณ ค่าช่วยเหลือเมื่อประสบสาธารณภัย ครั้งละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ต่อครั้ง ค่าของเยี่ยมในยามเจ็บป่วยหรือในโอกาสสำคัญเท่าที่จ่ายจริง รายละไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาท ต่อครั้ง และกรณีเสียชีวิต จะได้รับเงินช่วยเหลือบำเพ็ญกุศลศพ รายละ ๒๐,๐๐๐ บาท และเงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริง รายละไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท เป็นต้น
 
     ในการนี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รองประธานกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) เปิดเผยถึงเกณฑ์การคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ประกอบด้วย ๓ หลักเกณฑ์ใหญ่ ดังนี้
 
     เกณฑ์ที่ ๑. คุณสมบัติของศิลปินแห่งชาติ มี ๖ ประการ ได้แก่ เป็นผู้มีสัญชาติไทยและยังมีชีวิตอยู่ในวันประกาศยกย่อง / เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ และมีผลงานดีเด่นเป็นที่ยอมรับของวงการศิลปะในสาขานั้น / เป็นผู้สร้างสรรค์และพัฒนาศิลปะในสาขาที่ได้รับการประกาศยกย่อง / เป็นผู้ผดุง ถ่ายทอด เผยแพร่ หรือเป็นต้นแบบศิลปะในสาขาที่ได้รับการประกาศยกย่อง / เป็นผู้มีคุณธรรม ทุ่มเท และเสียสละเพื่องานศิลปะ / และเป็นผู้มีผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและมนุษยชาติ
 
     เกณฑ์ที่ ๒. คุณค่ามาตรฐานผลงานศิลปะของศิลปินแห่งชาติ ผลงานต้องสื่อให้เห็นถึงคุณค่าในความดี ความจริง ความงาม อารมณ์ และคุณค่าทางจิตวิญญาณ แสดงออกถึงแนวคิด สร้างพลังความรู้และพัฒนาสติปัญญาแก่มนุษยชาติ ก่อให้เกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ และส่งเสริมจินตนาการ และเป็นผลงานสร้างสรรค์มีเอกลักษณ์ มีทักษะสูงส่ง มีกลวิธีเชิงสร้างสรรค์ ไม่แสดงเจตนาหรือจงใจคัดลอกหรือเลียนแบบผลงานของผู้อื่นทั้งเปิดเผยและแอบแฝง
 
     เกณฑ์ที่ ๓. การเผยแพร่และการยอมรับคุณค่าผลงานของศิลปินแห่งชาติ ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นศิลปินแห่งชาติ จะต้องมีการเผยแพร่ผลงานและได้รับการยอมรับ คุณค่าในผลงาน ดังนี้ เป็นผลงานที่ได้รับการจัดแสดง ถ่ายทอดหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง มีหลักฐาน อ้างอิง โดยเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิด พัฒนาการทางงานศิลปะอย่างเด่นชัด และเป็นผลงานได้รับรางวัล หรือเกียรติคุณระดับภูมิภาค ระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ ซึ่งมีกระบวนการพิจารณาที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ
 
     ซึ่งการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ นี้ จะทำการคัดเลือกใน ๓ สาขา ได้แก่
 
     ๑. สาขาทัศนศิลป์ หมายถึง ศิลปะที่มองเห็นได้ด้วยตา แบ่งเป็น วิจิตรศิลป์ และประยุกต์ศิลป์ วิจิตรศิลป์ ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ สื่อผสม และภาพถ่าย ส่วนประยุกต์ศิลป์ ได้แก่ สถาปัตยกรรมแบบประเพณีและร่วมสมัย มัณฑนศิลป์ การออกแบบผังเมือง การออกแบบอุตสาหกรรม และประณีตศิลป์ เป็นต้น
 
     ๒. สาขาวรรณศิลป์ หมายถึง บทประพันธ์ที่แต่งอย่างมีศิลปะทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง มีองค์ประกอบที่สำคัญคือ ความรู้สึกสะเทือนใจ ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการและกลวิธีเสนอเรื่องที่น่าสนใจ
 
     ๓. สาขาศิลปะการแสดง หมายถึง ศิลปะที่มีการแสดง ที่เป็นได้ทั้งวิจิตรศิลป์ ประยุกต์ศิลป์ รวมทั้งศิลปะพื้นบ้าน โดยแบ่งเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ ๑.ดนตรีไทย นาฏศิลป์ไทยและศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ๒.ดนตรีสากลและนาฏศิลป์สากล ๓.ภาพยนตร์และละคร
 
     นับตั้งแต่เริ่มโครงการศิลปินแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ มีศิลปินแห่งชาติ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๘ - ๒๕๖๒ แล้วจำนวน ๓๑๙ คน และในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๑๒ คน รวมทั้งสิ้น ๓๓๑ คน ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ๑๕๔ คน โดยยังมีชีวิตอยู่ ๑๖๕ คน
 
     อนึ่ง กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จะทำหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสนำศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ทั้ง ๑๒ คน เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเข็มและโล่เชิดชูเกียรติ ในวัน เวลา ตามแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
 
     ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จะได้จัดงานเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ อันประกอบด้วย งานเลี้ยงแสดงความยินดี งานนิทรรศการและสื่อเผยแพร่ชีวประวัติและผลงานของศิลปินแห่งชาติ ผ่านสื่อต่างๆ ต่อไป
 
     สำหรับเยาวชนและประชาชนผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับประวัติและผลงานของศิลปินแห่งชาติเพิ่มเติมได้ที่ www.culture.go.th หรือ www.facebook.com/DCP.culture และ line@วัฒนธรรม
ลิขสิทธิ์ของ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม สำหรับใช้ประโยชน์เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมและการศึกษา
นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์ | การปฏิเสธความรับผิด (Disclaimer)