กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
เว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้
font size small font size normal font size big
หน้าแรก
Search


ข่าวสาร >> บทความ >> เล่าสู่กันฟัง
เล่าสู่กันฟัง...เรื่อง “ไม่เชื่อ...อย่าลบหลู่”

วันที่ 17 ส.ค. 2563
 

     ปัจจุบันแม้มนุษย์เราจะสามารถส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวอังคารได้แล้ว อีกทั้งคนยุคใหม่จะถูกสอนให้คิดตามแนววิทยาศาสตร์ มิให้หลงงมงายหรือเชื่อในแบบเดิมๆ แต่กระนั้นในโลกใบนี้ ก็ยังมีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่ยังหาเหตุผลมารองรับไม่ได้ ด้วยเหตุนี้คำว่า "ไม่เชื่อ...อย่าลบหลู่” จึงเป็นวลีที่เป็นทั้งการยอมรับไปโดยปริยาย หรืออาจท้าทายให้คนไม่เชื่อไปลองพิสูจน์ดู เพราะในแง่หนึ่งก็เป็นการตักเตือนห้ามปรามไม่ให้คนคึกคะนองพูดหรือกระทำกริยาที่ไม่แสดงความเคารพต่อสิ่งที่คนทั่วไปให้ความศรัทธานับถือ เพราะการที่เราไม่เชื่อก็ไม่จำเป็น ต้องแสดงออกมา โดยเฉพาะไม่ควรทำในลักษณะลบหลู่หรือดูถูกเหยียดหยามความเชื่อของผู้อื่น ในทางกลับกัน หากเราไม่เชื่อ ก็เหมือนท้าให้เราใช้ปัญญาวิเคราะห์หาเหตุผลดู ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีอยู่ด้วยกันทุกชาติทุกภาษา แม้แต่ในประเทศที่เจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีอย่างอเมริกาหรือยุโรปก็ไม่เว้น
 
     เรื่องที่เข้าข่าย "ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่” นี้ มักเป็นความเชื่อเกี่ยวกับโชค เคล็ด ลาง อาถรรพ์ บางเรื่องก็พอรู้ที่มาที่ไป บางเรื่องแม้จะผ่านกาลเวลามาอย่างเนิ่นนาน ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่คนก็ยังศรัทธา เชื่อถือ และปฏิบัติตาม เหตุผลที่สำคัญ คงเป็นเพราะความเชื่อเหล่านี้หลายๆครั้งก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ทำแล้วเกิดความรู้สึกสบายใจ ฮึกเหิม หรือมีกำลังใจเพิ่มขึ้น บางเรื่องก็เป็นโบราณอุบายสร้างขึ้นเพื่อป้องกันเหตุล่วงหน้า แต่เมื่อบริบทสังคมเปลี่ยนไป จึงลืมเลือนเหตุผลเดิม หรือบางครั้งก็เป็นสิ่งเตือนให้ระมัดระวังตัว ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต สิ่งเหล่านี้มีอะไรบ้าง จะขอนำมาเล่าสู่กันฟังสัก ๓ หัวข้อ ดังนี้
 
     ความเชื่อด้านร้ายเกี่ยวกับสัตว์
 
     -แมวดำ คนไทยเชื่อว่าถ้าแมวดำข้ามโลงศพ จะทำให้วิญญาณกลับมาหลอกหลอน หรือลุกขึ้นมา ถ้าแมวดำเดินตัดหน้าจะมีลางร้าย ส่วนชาวตะวันตกเชื่อว่าแมวดำเป็นสัญญลักษณ์เชื่อมโยงกับแม่มด จะนำมาแต่โชคร้าย
 
     -นกแสก คนโบราณเรียก "นกผี” เชื่อกันว่า หากเห็นนกแสกบินผ่านหรือไปเกาะหลังคาบ้านที่มีคนเจ็บป่วยอยู่ แล้วส่งเสียงร้องออกมา จะทำให้คนป่วยบ้านนั้นถึงแก่ความตาย
 
     -ตุ๊กแกร้องกลางวัน เชื่อว่าบ้านนั้นจะมีคนเจ็บป่วย หรือจะมีเหตุร้ายเกิดกับคนในครอบครัว เพราะเชื่อว่าตุ๊กแกคือ ร่างวิญญาณของบรรพบุรุษที่กลับมาร้องเตือนลูกหลาน นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อในเรื่องจำนวนที่ร้องด้วย เช่น ถ้าร้อง ๕-๖ ครั้งไม่ดี มักมีเรื่องเดือดร้อน ร้อง ๗ ครั้งทำให้เสียทรัพย์ แต่ถ้าร้องตั้งแต่ ๘ ครั้งเป็นต้นไป จะโชคดี มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ถ้า ๑๑ ครั้งเจ้าของบ้านจะโชคดีมาก
 
     -ผึ้งทำรัง โดยส่วนใหญ่จะถือว่า โชคดี แต่มีบางตำราให้ดูทิศประกอบด้วย คือ ถ้าทำรังทิศตะวันออก จะเสียทรัพย์ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ให้ระวังเพลิงไหม้ ทิศใต้ ตัวจะตาย ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ให้ระวังโจรภัย ทิศตะวันตก จะได้ลาภ ๒ เท้าเป็นนารี ถ้าตะวันตกเฉียงเหนือ จะสุขสบาย ทิศเหนือ จะมีลาภ ทิศอีสาน จะมีคนยกย่องนับถือมาก
 
     -ตัวเงินตัวทอง เชื่อกันว่าถ้ามันเข้ามาในบ้านหรือเห็นมันเข้า จะทำให้เกิดอัปมงคลหรือลางร้าย เนื่องจากชื่อของมันตามที่ชาวบ้านเรียกคือ "เหี้ย” ซึ่งเป็นคำหยาบ หมายถึงต่ำช้า เลวทราม และมันยังเป็นสัตว์ที่ชอบกินของเน่าเสีย จึงเป็นสัญลักษณ์ของความอัปมงคล อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการแก้เคล็ด และนำโชคดีมาแทน คนจึงเรียกในทางตรงกันข้ามว่า"ตัวเงินตัวทอง”เมื่อเจอมักจะกล่าววาจาดีๆ ทำนองเรียกเงินทองเข้ามาหา ความเชื่อที่เป็นโบราณอุบาย (เป็นข้อห้ามของคนสมัยก่อน ซึ่งจริงๆคือวิธีแยบยลในการป้องกันเหตุไว้ก่อน)
 
     -ห้ามกวาดบ้านกลางคืน เชื่อว่าจะอัปมงคล เจตนาคือ เวลากลางคืนสมัยก่อนจะมืดมาก เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้เหมือนสมัยนี้ การกวาดบ้านกลางคืน จะทำให้กวาดได้ไม่สะอาด และอาจจะกวาดเอาข้าวของที่มีขนาดเล็กหรือของมีค่าหล่นหายไป
 
     -ห้ามผู้หญิงกินกล้วยแฝด เชื่อว่าจะทำให้มีลูกแฝด เจตนาคือ ให้รู้จักประมาณในการกิน โดยเฉพาะกล้วย ถ้ากินมากไปจะทำให้ท้องอืด หรือคนท้องหากกินกล้วยมากไป ลูกจะตัวใหญ่ทำให้คลอดลำบาก ยิ่งถ้าเป็นแฝด จะยิ่งมีความเสี่ยงทั้งแม่และลูก เพราะสมัยโบราณการสาธารณสุขยังไม่ทันสมัย
 
     -ห้ามถอดแหวนหรือกำไลจากมือคนอื่น เชื่อว่าจะแย่งคนรักของคนอื่น เจตนาคือ ให้มีมารยาทที่ดี มีความเกรงใจ ไม่ก้าวก่ายสิทธิ์ของผู้อื่น และยังช่วยรักษามิตรภาพให้ยั่งยืน เพราะการถอดของมีค่าโดยเจ้าของไม่อนุญาตเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความไม่พอใจต่อกันได้
 
     -ห้ามตากผ้าข้ามคืน เชื่อว่าผีกระสือจะเอาไปเช็ดปาก เจตนาคือ การตากผ้ากลางคืนเป็นการเสี่ยงต่อการโดนขโมย อีกทั้งหากตากข้ามคืน เสื้อผ้าอาจเปียกฝนหรือน้ำค้าง หรือมีสัตว์มีพิษมาเกาะ ทำให้เกิดอันตรายตอนสวมใส่
 
     -ห้ามนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก เชื่อว่าเป็นทิศของคนตาย เจตนาคือ โดยปกติทิศตะวันตกจะเป็นฝั่งที่รับแสงแดดตอนบ่ายทำให้เก็บความร้อนไว้ ครั้นกลางคืนผนังคายความร้อนออก หากหันหัวเตียงเข้าหาผนังด้านนี้ก็จะทำให้หลับไม่สบายตัวนั่นเอง
 
     ความเชื่อด้านมงคลของไทยและประเทศอื่นๆ
 
     -หิ้งพระหรือหิ้งบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้รับพลังที่ดี นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง อย่าปล่อยให้สกปรกหรือฝุ่นจับ มิเช่นนั้นจะมีแต่ความเสื่อมถอย โชคลาภหดหาย
 
     -ต้นไม้ที่คนไทยเชื่อว่าเมื่อปลูกในบริเวณบ้านแล้วจะโชคดีเจริญรุ่งเรือง ส่วนใหญ่คือ ต้นไม้ที่มีนามเป็นมงคล เช่น ขนุน มะยม มะขาม กล้วย โป้ยเซียน และวาสนา เป็นต้น แต่หากจะใช้ในการวางศิลาฤกษ์เพื่อก่อสร้างอาคารบ้านเรือน มักจะใช้ไม้มงคล ๙ ชนิด ได้แก่ ไม้ราชพฤกษ์ หมายถึง ความเป็นใหญ่ อำนาจวาสนา ไม้ขนุน หมายถึง หนุนให้ดี ร่ำรวยขึ้น ทำอะไรมีคนเกื้อหนุน ไม้ชัยพฤกษ์ หมายถึง ชัยชนะ ไม้ทองหลาง หมายถึง มีเงินมีทอง ไม้ไผ่สีสุก หมายถึง มีความสุข ไม้ทรงบาดาล หมายถึง ความมั่นคง แข็งแรง ไม้สัก หมายถึง มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไม้พะยูง หมายถึง พยุงฐานะให้ดีขึ้น และไม้กันเกรา หมายถึง ป้องกันอันตรายต่างๆ
 
     -ปลัดขิก เป็นรูปจำลองอวัยวะเพศชาย ส่วนใหญ่ทำด้วยไม้ เป็นเครื่องรางของขลังสำหรับผูกเอวเด็ก เพื่อให้ผีกลัว หรือเพื่อคุ้มครองป้องกันภัย หรือเพื่อให้เกิดเมตตามหานิยม ร้านค้าหรือแม่ค้าบางคนก็นำไปไว้ในร้านหรือในหาบ ด้วยเชื่อว่าทำให้ค้าขายคล่อง ขายดี
 
     -นางกวัก เป็นเทพีแห่งโชคลาภ มักทำเป็นรูปหญิงสาวสวมชุดไทย นั่งพับเพียบ ทำท่ากวักมือ เชื่อว่าจะช่วยเรียกทรัพย์ และลูกค้าให้มาอุดหนุนสินค้าในร้านมากขึ้น
 
     -เลี้ยงปลาในสถานประกอบธุรกิจ ชาวจีนเชื่อว่าจะทำให้การค้าดี เพราะปลาเป็นสัตว์มงคลและเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคั่ง อุดมสมบูรณ์ ปลาที่นิยมเลี้ยงได้แก่ ปลาคาร์ฟ ปลาเงินปลาทอง และปลามังกร
 
     -รูปปั้นแมวกวัก ชาวญี่ปุ่น เชื่อว่าเมื่อวางไว้หน้าร้านค้าจะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามา ทำให้ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
 
     -เครื่องดักจับฝัน คนอเมริกันพื้นเมืองเชื่อว่า ถ้าแขวนเครื่องดักจับฝันไว้บนหัวเตียง จะช่วยจับฝันดี และขับไล่ฝันร้ายให้ออกไป
 
     -นำเหรียญมาวางกระจายในห้องนั่งเล่นของบ้านใหม่ ชาวฟิลิปปินส์ว่าเชื่อว่า จะเป็นการเชื้อเชิญเงินทองและความร่ำรวยเข้ามาในบ้านหลังใหม่
 
     -ปลูกต้นไม้ไว้นอกบ้านหลังจากแต่งงานกันแล้ว ชาวสวิสเซอร์แลนด์เชื่อว่า จะนำมาซึ่งความโชคดีและความอุดมสมบูรณ์
 
     -เจ้าสาวพกของ ๔ สิ่งไว้กับตัวจะนำโชคดีมาให้ เป็นความเชื่อของชาวตะวันตก ซึ่งของ ๔ สิ่ง ได้แก่ ของเก่า ของใหม่ ของที่หยิบยืมมา และของที่มีสีฟ้า
 
     -เกล็ดปลาคาร์พ หลายๆประเทศเช่น โปแลนด์ ออสเตรีย เยอรมัน สาธารณรัฐเช็ก มักจะเตรียมปลาคาร์ฟไว้เป็นอาหารในวันคริสต์มาส และหลังจากรับประทานเสร็จ มักจะนำเกล็ดปลาที่หลงเหลืออยู่บนจานเก็บไว้ในกระเป๋าเงินจนกว่าจะถึงวันคริสต์มาสอีฟในปีต่อไป ด้วยเชื่อว่าจะเป็นการนำโชคดีมาสู่ตนในปีที่จะมาถึง
 
     นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อเรื่องสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี เช่น ชาวอินเดียเชื่อว่าช้างเป็นสัตว์นำโชค เครื่องรางเครื่องประดับจึงนิยมทำเป็นรูปช้าง ส่วนชาวอิยิปต์ เชื่อว่าด้วงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เพราะมีพลังแสงอาทิตย์อยู่ในตัว และยังเป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดชีวิตใหม่ ด้านชาวกรีกจะถือว่าโค ให้โชคในเรื่องครอบครัวและเกษตรกรรม เพราะโคแข็งแรงและมีพละกำลังมาก ในขณะที่หลายๆพื้นที่ ถือว่า กบ เป็นสัตว์นำโชคเรื่องเกษตรกรรม เพราะเชื่อว่ากบสามารถเรียกฝนได้ ถ้าใส่เครื่องรางรูปกบจะเดินทางปลอดภัย
 
     ความเชื่อต่างๆที่ยกมาข้างต้น เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนที่เรายังพบเห็นกันอยู่ในทุกภูมิภาคของโลก บางเรื่องอาจจะทำให้เกิดคำถามว่า "จริงหรือ” ขณะเดียวกันหลายๆเรื่องก็คงต้องพูดว่า "ไม่เชื่อ...อย่าลบหลู่” ไม่ว่าจะอย่างใด ก็ขึ้นกับตัวคุณเองแล้วหล่ะค่ะ
 
................................................
 
น.ส.ทัศชล เทพกำปนาท ที่ปรึกษากรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ลิขสิทธิ์ของ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม สำหรับใช้ประโยชน์เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมและการศึกษา
นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์ | การปฏิเสธความรับผิด (Disclaimer)